จับมือกัน!!! รัฐผนึกเอกชน ร่วมมือยกระดับอาชีวะ

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


 
จับมือกัน!!! รัฐผนึกเอกชน ทำข้อตกลงร่วมกันยกระดับอาชีวศึกษา ตั้งเป้า 2 ปี สร้างอาชีวะเปี่ยมทักษะ ได้ค่าตอบแทนตามฝีมือ ไม่ใช่ดูที่วุฒิการศึกษาอย่างเดียว

 

วันนี้ (21 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ สานพลังประชารัฐยกระดับคุณภาพวิชาชีพอาชีวศึกษา ระหว่างภาครัฐ ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม กับภาคเอกชน 13 หน่วยงาน โดยมี ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่ง พล.อ. ดาว์พงษ์  รัตนสุวรรณ  รมว. ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ กล่าวถึงการยกระดับคุณภาพวิชาชีพในครั้งนี้ว่า ข้อตกลงคณะทำงานมีภารกิจหลักร่วมกัน 5 ประการ คือ สร้างค่านิยมให้เด็กมาเรียนอาชีวะมากขึ้น ผลิตผู้เรียนอาชีวะให้มีปริมาณเพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ มีคุณภาพ มีความเป็นเลิศ และมีมาตรฐานสากล ทั้งนี้ภาครัฐจะดูกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเกื้อหนุนการทำงานร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงความร่วมมือนี้จะมีระยะเวลา 2 ปี และจะมีการประเมินผลอีกครั้ง

 

ขณะที่นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของภาคเอกชน 13 แห่ง ที่อาสาทำงานด้านสังคมเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยมีแนวทางขับเคลื่อนการยกระดับวิชาชีพ  เป็น 2 ระยะ คือ  ระยะแรก (Quick Win) ใช้เวลา 6 เดือน สร้างแรงจูงใจให้คนเรียนอาชีวะผ่านภาพลักษณ์ที่ดี   พัฒนาสถานศึกษาให้มีความเป็นเลิศ และจัดทำฐานข้อมูลความต้องการกำลังคน และระยะที่่ 2 Medium & Long term กำหนดทักษะมาตรฐานวิชาชีพการเรียนการสอน การจ้างงาน ค่าตอบแทน ให้เหมาะสมกับความสามารถและทักษะฝีมือ ผลักดันให้มีหน่วยงานรวบรวมฐานข้อมูลของวิชาชีพอาชีวศึกษา พัฒนาหลักสูตรและครูผู้สอน โดยมีสถาบันพัฒนาครูอาชีวะ

 

พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้จัดทำมาตรฐานวิชาชีพแล้วเสร็จไปเป็นจำนวนมาก และจะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมอาชีวศึกษา ให้สามารถผลิตกำลังคนให้ได้มาตรฐานอาชีพตามความต้องการของอุตสาหกรรม ผู้เรียนมีรายได้ตามมาตรฐานทักษะฝีมือ ซึ่งจะทำให้มีความภาคภูมิใจและเป็นที่น่าเชื่อถือในสังคม

 

ด้าน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนรู้ว่าอาชีวศึกษามีความสำคัญไม่น้อยกว่าการศึกษาในระดับปริญญาตรี โท และเอก และเป็นกำลังสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ แต่ระบบการศึกษาเราบิดเบี้ยว ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ ต่างมีปัญหา ซึ่งการศึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษาก็มีปัญหาทั้งนั้น ความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ตนเห็นความหวังของเมืองไทย แต่จะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า อาชีวะอะไร ปริมาณเท่าไร ความสามารถอะไร   ทิศทางจะไปทางไหน ซึ่งเราจะต้องสร้างความสามารถที่ทันโลก และก้าวกระโดด ดักหน้าโลกให้ได้  ตนอยากเห็นว่าเราจะทำอย่างไรให้วิชาชีพเป็นรากเหง้าที่แข็งแรงที่สุด  ตนอยากเห็นอาชีวะมีสิทธิ์ที่จะเลือกทำงานในทุกเซคเตอร์และมีทางเลือกที่จะเป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเอง

 

ภาพ : www.innnews.co.th