สวนกระแสชาวเน็ต!!"สุทิน"เห็นด้วยที่"เบสท์"ไม่ได้ไปพูด ชี้คนพูดพระราชกรณียกิจ ร.9 ไม่ใช่แค่พูดเก่ง ต้องมีวุฒิภาวะ-ลึกซึ้ง

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 17 พ.ย.)    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทิน วรรณบวร  อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสสังกัดสำนักข่าวเอพี เจ้าของฉายา "นักข่าวสายโจร" ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ "Sutin Wannabovorn" ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับ "เบสท์-อรพิมพ์ รักษาผล" นักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจ ที่จะไปพูดเกี่ยวกับเรื่องพระราชกรณียกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา


โดยข้อความที่โพสต์ระบุว่า  " มีคนโพสต์ข้อความว่าสถานทูตอเมริกาไม่ออกวีซ่า ให้นักพูดคนหนึ่งที่เตรียมการเดินสายพูดเรื่องพระราชกรณีกิจในหลวงในอเมริกาหลายเมือง เรื่องนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่ใช่เห็นด้วยที่สถานทูตสหรัฐไม่ออกวีซ่า เห็นด้วยที่ไม่ได้ไปพูด พระราชกรณีย์กิจอันยิ่งใหญ่ของในหลวงที่ได้การยกย่อเทิดทูลทั่วโลก

 

คนที่จะไปพูดเรื่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน หรือเรื่องใดๆก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับสถาบันสูงสุดของชาติ ต้องเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ มีความรู้อย่างลึกซึ้ง เคยสนองงานพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดยาวนาน ต้องมีความเชี่ยวชาญลึกซึ้งในด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ว่าสังคม เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การพัฒนา กีฬา ดนตรีฯลฯ และคนที่จะไปพูดในต่างแดนเรื่องพระราชกรณีย์กิจ ควรได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากสำนักราชวัง หรือไม่ก็รัฐบาล ตัวอย่างเมื่อท่านหมุ้ยตัดต่อเพลงสรรเสริญพระบารมีเสร็จแล้ว ท่านนำไปให้นายกรัฐมนตรีชม นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าให้สมเด็จพระบรมฯ ทรงวินิจฉัยก่อนออกมาเผยแพร่

เรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันสูงสุด ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งพูดเก่ง มีวาทะกรรมดีแล้วไปเปิดโรงละครเดี่ยวไมค์ทอลคโชว์ เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ละเอียดอ่อน มีพิธีกรรม มีจารีตประเพณี

 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช ได้รับการเทิดพระเกียรติอย่างสูงสุด เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่สหประชาชาติ จัดประชุมเพื่อสดุดีและถวายความอาลัยแก่พระองค์ท่าน ตัวแทนจากห้าภูมิภาคทั่วโลกได้สดุดีพระองค์ท่านอย่างสูงสุด ทูตถาวรสหรัฐประจำยูเอ็น สดุดีพระองค์ท่านได้อย่างยอดเยี่ยมคมชัดลึกซึ้ง ผมคิดว่าคนทั้งโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยประทับใจในความยิ่งใหญ่ครั้งนั้น และสองวันให้หลังสถานี History Channel ของอเมริกาเสนอสารคดีพระองค์ท่านด้วยความเคารพ

 

ดังนั้นการที่ใครหนึ่งพูดเก่ง แต่จะลึกซึ่งในพระราชกรณีย์กิจของท่านด้านไหนก็ไม่รู้แล้วพูดให้คนไทยหรืออาจเป็นต่างร่วมฟังด้วย ดูไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง จึงเห็นควรที่สถานทูตไม่ออกวีซ่าให้

 

อนึ่งคนส่วนใหญ่ทำความดีเพื่อถวายแก่พระองค์ท่าน แต่บางส่วนทำความดีเพื่อโปรโมตตัวเอง โปรโมตกิจการคนพวกหลังนี้ไม่น่ายกย่อง"