- 07 เม.ย. 2560
ขึ้นรถปุ๊บ รัดปั๊บ !?!? วินาที "พล.อ.ประวิตร" ขึ้นรถรีบคว้าSeat belt มันทันที...บอกคำพูดเด็ดถึงทุกคน (มีคลิป)
วันที่ 7 เมษายน 2560 บนเฟสบุ๊ค วาสนา นาน่วม ได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอพล.อ.ประวิตร ขณะขั้นนั่งบนรถและรัดเข็มขัดนิรภัยทันที พร้อมระบุว่า
"ขึ้นรถ ปุ๊ป...รัด ปั๊บ "ไม่รัดเข็มขัด เดี้ยวโดนว่า" ยิ่งโดนวิจารณ์เรื่องห้ามนั่งแค็ป-ท้ายรถกระบะ อยู่ ดังนั้น พอขึ้นรถปุ๊ป บิ๊กป้อม ก็รีบคว้าสายSeat belt มารัดทันที.. บ่น "ถ้าไม่รัดเข็มขัด เดี้ยวโดนว่า"....โดยมี ทส.ช่วยจัด สายให้เรียบร้อย ด้วย "
คลิป...
ขณะที่ในช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) กล่าวถึงกรณีประชาชนต่อต้านมาตรา 44 ที่ห้ามประชาชนนั่งท้ายรถกระบะ ว่า มาตรการดังกล่าวที่ออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาล เมื่อเปรียบเทียบสถิติปี 2557-2559 พบว่ามีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราไม่ต้องการให้สถิติเพิ่มขึ้น จึงออกมาตรการดังกล่าวออกมาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งไม่ได้บังคับอะไรเลย ขอแค่เพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่าต้องไม่มีการเสียชีวิตสูงขึ้นในช่วง 7 วันอันตราย
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า หากประชาชนไม่รับก็ไม่ว่าอะไร แต่เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่ประชาชนจะเอาทั้ง 2 อย่าง ทั้งเรื่องความปลอดภัย และความเสี่ยง ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในฐานะที่ตนดูแลความปลอดภัยของประชาชนก็ต้องหาวิถีทาง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับผิดชอบด้านจราจรก็พยายามดูแลเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุดในการเดินทาง
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนคิดเรื่องนี้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ถ้ามองมาตรการนี้ไม่เหมาะสม ก็บอกไป ไม่เป็นไร เราแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่โจมตีนายกรัฐมนตรีอยู่เรื่อยๆ ท่านายกฯก็อยู่ของท่าน และท่านอยากให้เกิดความปลอดภัย ไม่อยากให้มีการเสียชีวิต และอยากให้ประชาชนมีความสะดวก แต่เรื่องนี้ทุกคนก็คิด เพียงแต่ไปหมกมุ่นเรื่องนั่งท้ายกระบะได้หรือไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ส่วนประกอบ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะว่าผมก็ได้ ผมไม่อะไรอยู่แล้ว แต่จะว่าผมไปก็ไม่ถูก เพราะนายกฯเป็นคนตัดดินใจ เพียงแต่ผมเป็นคนเสนอแนะ เป็นคนคิด มีคนพูดว่าใครคิดว่านายกฯลุงตู่โดนด่าฟรี ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ผมคิดคนเดียว แต่คิดร่วมกับคณะกรรมการ
นอกจากนี้ยังกล่าวย้ำว่า ตนอยากให้ประชาชนคิดให้ดี และต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่ใช้มาตะแบง ส่วนจะขอเวลาปรับตัวก็ว่ามา ซึ่งการนั่งรถท้ายกระบะตำรวจก็จับอยู่แล้ว ขึ้นทางด่วนก็ไม่ได้ ยกเว้นต่างจังหวัดที่พอยอมกันได้ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าประชาชนเดือดร้อน ซึ่งตนถึงได้บอกว่าในต่างจังหวัดสามารถนั่งท้ายกระบะได้ แต่ไม่เกิน 6 คน และขับไม่เร็ว อีกทั้งห้ามนั่งขอบกระบะ ดังนั้นขอให้เข้าใจว่าไม่ได้บังคับทุกอย่าง พร้อมทั้งเน้นย้ำกับตำรวจในเรื่องการจับกุมดำเนินคดีให้ใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่จับทุกกรณี และให้จ่ายค่าปรับ ทั้งนี้รัฐบาลไม่กลัวว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้คะแนนลดลง เพราะไม่ต้องการคะแนนนิยมเพื่อไปเลือกตั้ง และนายกฯก็ไม่ต้องการ เพียงแต่ต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ด้วยความแข็งแกร่ง
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลอยากสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับพี่น้องประชาชน กรณีการบังคับใช้กฎหมายและการผ่อนปรนเป็นบางกรณี สำหรับการใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ ดังนี้
1.รัฐบาลไม่มีเจตนาสร้างความลำบากแก่ประชาชน แต่จำเป็นต้องมีมาตรการลดอุบัติเหตุ แต่เมื่อประชาชนยังไม่พร้อม รัฐบาล จะเร่ง รณรงค์สร้างความเข้าใจ และให้เวลาปรับตัวอีกระยะหนึ่ง
2. เจ้าหน้าที่จะยังคงบังคับใช้กฎหมายด้วยการ จับปรับ ในกรณีของรถยนต์ส่วนบุคคลที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งเบาะหน้าที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย แต่จะอนุโลม ตักเตือน ผู้ที่ นั่งเบาะหลังที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างถูกต้อง
3. รถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตู้ รถโดยสารประจำทาง ต้องคาดเข็มขัดทุกที่นั่ง
4. สำหรับรถกระบะ อนุโลมให้นั่งในแค๊ป และในท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน แต่ห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือฝาปิดท้ายรถ พลโทสรรเสริญ กล่าวว่า
5. เจ้าหน้าที่จะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรา หรือใช้ความเร็วเกินกำหนด ขับรถหวาดเสียว หรือแซงในที่คับขัน ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย โดยจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุอีกทางหนึ่ง
6. นายกฯ สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ จากประชาชน หากผู้ใดพบเห็น ขอให้ถ่ายคลิปและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที
ทั้งนี้ นายกฯ และรัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการปฏิบัติงาน โดยขอความร่วมมือให้คนไทยช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสม มุ่งเน้นที่การสร้างจิตสำนึก และความรับผิดชอบของทุกคน เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน จากอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนน ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลก
อ้างอิงข้อมูล เฟสบุ๊ค Wassana Nanuam