ขี้ชะมดหลบไป! คอกาแฟไทย ต้องกาแฟขี้ช้าง มีขายเพียงวันละ 15 แก้วเท่านั้น อยากชิมต้องต่อคิวรอ

แข่งกับกาแฟขี้ชะมดต้องกาแฟขี้ช้างไทย ครั้งแรกของโลกที่ปางช้างแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีราคาถึงกิโลกรัมละ 40,000บาท ตกแก้วละ1,500 ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมจากชาวต่างชาติในเวลานี้ มีการจำกัดจำนวนขายวันละไม่เกิน 15 ถ้วย เท่านั้น หากครบ 15 แก้วแล้วถือว่าหมดเลย หากจะกินต้องมากินในอีกวันถัดไป 

 

นายบุญทา ชัยเลิศ เจ้าของปางช้างแม่แตง บ้านแม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ผลิตกาแฟขี้ช้าง เปิดเผยว่า ขณะนี้กาแฟขี้ช้างได้รับความนิยมจากคอกาแฟชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยตนผลิตกาแฟขี้ช้างภายใต้ชื่อ “ROYAL IVORY” แพกบรรจุกระป๋องอย่างดีจำหน่ายเป็นระยะเวลานานเกือบ 1 ปีแล้ว การตอบรับถือว่าดีเยี่ยมแทบผลิตไม่พอขายเพราะผลิตได้ปีละไม่กี่ร้อยกิโลกรัม โดยกรรมวิธีการผลิตกาแฟขี้ช้าง ค่อนข้างจะทำยาก จึงมีราคาแพง ซึ่งในปางช้างแม่แตง มีช้างที่เลี้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวขี่เที่ยวชมธรรมชาติ จำนวน 74 เชือก และช้างที่สามารถนำมาใช้ทำกาแฟขี้ช้างได้เพียง 5 เชือกเท่านั้น สาเหตุเพราะต้องเลือกช้างที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยไม่ท้อง ไม่ใช้ช้างเด็กหรือช้างชรา ต้องเป็นช้างที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ ซึ่งมีจำนวนไม่มากทำให้ผลิตได้น้อย สำหรับขั้นตอนการผลิตนั้นจะต้องนำเมล็ดกาแฟสดที่คัดสรรมาอย่างดีให้ช้างกินบ่มอยู่ในท้องนานประมาณ 3 วัน จากนั้นเมื่อช้างถ่ายออกมาจึงนำมาล้างน้ำให้สะอาด และหมักในทรายดับกลิ่นแล้วเอาไปตากแดดอีก 7 แดดจนแห้ง นำไปบ่มตามสูตรอีก 8 เดือน จึงจะได้กาแฟขี้ช้างนำไปคั่วซึ่งจะมีกลิ่นหอม 

 

 

เมื่อนำกาแฟขี้ช้างมาชงดื่มจะนุ่มและหอมมาก มีกลิ่นคาราเมลโดยธรรมชาติ ซึ่ง 1 กิโลกรัมจะชงได้จำนวน 142 แก้ว ขายราคาแก้วละ 1 พันบาท หรือกิโลกรัมละ 36,000 บาท มี 3 รูปแบบ ทั้งแบบชนิดอ่อน แบบชนิดกลาง และแบบชนิดแก่จัดหรือเข็มข้น ชงขายให้นักท่องเที่ยวภายในปางช้าง หรือบรรจุในรูปแบบกระป๋องขาย และทุกวันที่ร้านกาแฟในปางช้างแม่แตง ยังชงขายให้กับนักท่องเที่ยว ในราคาแก้วละ 1,500 บาท แต่ก็มีการจำกัดจำนวนขายวันละไม่เกิน 15 ถ้วย เท่านั้น พร้อมกับพร้อมกับติดป้าย แสดงจำนวนให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบที่หน้าร้านไว้ทุกวัน หากครบ 15 แก้วแล้วถือว่าหมดเลย หากจะกินต้องมากินในอีกวันถัดไป สาเหตุที่จำกัดการขายเพราะเป็นการผลิตยากและล่าช้า ทางปางช้างต้องการจะรักษาวัตถุดิบให้มีการให้นักท่องเที่ยวตลอดปี จึงต้องจำกัดจำนวนขายของในแต่ละวัน