- 03 ส.ค. 2560
แท็กซี่ที่จะเข้าระบบ Taxi ok และ Taxi vip ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกการเดินทางของรถ ระบบ GPS
แท็กซี่ที่จะเข้าระบบ Taxi ok และ Taxi vip ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกการเดินทางของรถ ระบบ GPS ที่สามารถติดตามระยะทาง เวลา พิกัด ความเร็ว และค่าโดยสารได้แบบ real time ติดตั้งอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับขี่ ที่ใช้กับใบอนุญาตขับรถสาธารณะที่กรมการขนส่งทางบกออกให้ ติดตั้งกล้องถ่ายภาพในรถแบบ snap shot
วันที่ 3 สิงหาคม 2560 นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดตัวโครงการTaxi Ok และ Taxi VIP ซึ่งเป็นแท็กซี่รูปแบบใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของกรมการขนส่งทางบก เพื่อเพิ่มทางเลือกการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้กับประชาชน และยกระดับการให้บริการแท็กซี่ จากปีที่ผ่านมาที่มีข้อร้องเรียนการให้บริการแท็กซี่กว่า 37,000 ครั้งโดยกว่าร้อยละ 50 เป็นการปฏิเสธผู้โดยสาร และร้อยละ 16 เป็นการแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ และที่เหลือเป็นการไม่กดมิเตอร์ และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่กำหนด
แท็กซี่ที่จะเข้าระบบ Taxi ok และ Taxi vip ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกการเดินทางของรถ ระบบ GPS ที่สามารถติดตามระยะทาง เวลา พิกัด ความเร็ว และค่าโดยสารได้แบบ real time ติดตั้งอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับขี่ ที่ใช้กับใบอนุญาตขับรถสาธารณะที่กรมการขนส่งทางบกออกให้ ติดตั้งกล้องถ่ายภาพในรถแบบ snap shot และมีปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารขอความช่วยเหลือจากศูนย์ให้บริการแท็กซี่ และ กรมการขนส่งทางบก ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยสามารถเรียกใช้บริการแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน Taxi OK
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ผู้ให้บริการแพพลิเคชั่นที่ให้บริการแท็กซี่ที่ยู่ภายใต้โครงการ Taxi OK จะถูกบังคับให้เก็บค่าบริการในเรียกผ่านแอพพลิเคชั่นไม่เกิน 25 บาท โดยจะเปิดให้คนขับแท็กซี่เข้าร่วมโครงการ แบบภาคสมัครใจ ส่วนรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ทุกคัน จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบที่กำหนด และคิดค่าโดยสารในอัตราเดิม
ส่วนโครงการ Taxi VIP จะมีมาตรฐานขนาดตัวรถ และสมรรถนะ สูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เป็นทางเลือกให้ผู้โดยสาร และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถให้มากขึ้น โดยคิดค่าโดยสารเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10-20 และคาดว่าจะมีการประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาในสัปดาห์หน้า และเริ่มให้บริการได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดว่าในเดือนมกราคมปีหน้าจะมีรถแท็กซี่ในระบบเข้าโครงการTaxi ok กว่า 50,000 คัน
ขณะที่นายสากล บู่ทอง ที่ปรึกษาโครงการแท็กซี่ok ระบุว่า ในปัจจุบันแท็กซี่ที่ให้บริการใช้เวลากว่าร้อยละ 60 ในการหาลูกค้า แต่เมื่อเข้ามาสู่ระบบ จะช่วยลดระยะเวลาในการผู้โดยสารได้ถึงร้อยละ 20 ของช่วงเวลาที่ออกให้บริการ เนื่องจะมีระบบที่ใช้ในการบอกจุดพักรถ บอกจุดที่ทีผู้โดยสารแน่น จุดที่มีแท็กซี่จำนวนมาก และจุดที่มีการปฏิเสธจากการเรียกผ่านแอพ ซึ่งจะทำให้รายได้ต่อวันของผู้ให้บริการแท็กซี่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 ที่สำคัญจะทำให้การปฏิเสธผู้โดยสารลดลงแน่นอน และยังมีจำนวนรถที่เพียงพอให้บริการ นอกจากนี้ในเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัยจากการติดตั้งกล้องภายในรถ การแสดงตัวตนผู้ขับ และการใช้มิเตอร์ทำให้ระบบการให้บริการจะเหนือกว่าของอูเบอร์มาก
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุ ผู้ให้บริการแพพลิเคชั่นที่ให้บริการแท็กซี่ที่ยู่ภายใต้โครงการ Taxi OK จะถูกบังคับให้เก็บค่าบริการในเรียกผ่านแอพพลิเคชั่นไม่เกิน 25 บาท โดยจะเปิดให้คนขับแท็กซี่เข้าร่วมโครงการ แบบภาคสมัครใจ ส่วนรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ทุกคัน จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบที่กำหนด และคิดค่าโดยสารในอัตราเดิม
ส่วนโครงการ Taxi VIP จะมีมาตรฐานขนาดตัวรถ และสมรรถนะ สูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เป็นทางเลือกให้ผู้โดยสาร และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถให้มากขึ้น โดยคิดค่าโดยสารเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10-20 และคาดว่าจะมีการประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาในสัปดาห์หน้า และเริ่มให้บริการได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดว่าในเดือนมกราคมปีหน้าจะมีรถแท็กซี่ในระบบเข้าโครงการTaxi ok กว่า 50,000 คัน
ขณะที่นายสากล บู่ทอง ที่ปรึกษาโครงการ Taxi ok ระบุว่า ปัจจุบันแท็กซี่ที่ให้บริการใช้เวลากว่าร้อยละ 60 หาลูกค้า แต่เมื่อเข้าระบบนี้ จะช่วยลดระยะเวลาการผู้โดยสารได้ถึงร้อยละ 20 ของช่วงเวลาที่ออกให้บริการ เพราะมีระบบบอกจุดพักรถ จุดที่มีผู้โดยสารแน่น จุดที่มีแท็กซี่จำนวนมาก และ จุดที่มีการปฏิเสธจากการเรียกผ่านแอพ ซึ่งจะทำให้รายได้ต่อวันของผู้ให้บริการแท็กซี่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 รวมทั้ง การปฏิเสธผู้โดยสารลดลง นอกจากนี้ การติดตั้งกล้องภายในรถ การแสดงตัวตนผู้ขับ และ การใช้มิเตอร์ ยังถือเป็นบริการที่เหนือกว่าของอูเบอร์มาก