ด่วน !!! เปิดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลดโทษ "ศุภชัย".... ยักยอกทรัพย์ 22 ล้านบาท สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานศาลอุทธรณ์สั่งลดโทษจำคุก 7 ปี "ศุภชัย  ศรีศุภอักษร " อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น  ในคดียักยอกทรัพย์ 22 ล้านบาท ของสหกรณ์ เมือปี 2556 สำนวนแรก โดยไม่รออาญา คดีนี้ชั้นต้นจำเลยรับสารภาพ ศาลพิพากษาจำคุก 16 ปี 

วันนี้ ( 14 ก.ย. 2560) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 59 ปี อดีตประธานสหกรณ์ยูเนี่ยนคอลงจั่น จำเลยในคดียักยอกทรัพย์ 22 ล้านบาท สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เมื่อปี 2556 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา หลังศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์สำนวนแรก ในคดีที่อัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจก์ยื่นฟ้อง นายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์  จากกรณี ระหว่างวันที่ 10 ม.ย. - 8 ต.ค.2556  จำเลยซึ่งขณะนั้นเป็นประธานสหกรณ์ฯยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ยักยอกทรัพย์จำนวน 22 ล้านบาทเศษเป็นของตนเองหรือบุคคลอื่นโดยทุจริต  ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 14 ปี 24 เดือน

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า จำเลย กระทำความผิด ตามฟ้องโจทก์แต่ได้มีการบรรเทาความเสียหายด้วยการชดใช้เงินกว่า 27 ล้านบาท จึงเห็นควรให้ลงโทษสถานเบาตามที่จำเลยร้องขอ ความผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย รวม 14 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 7 ปี

ที่จำเลยขอให้ศาลรอการลงโทษนั้น เห็นว่าจำเลยเป็นถึงประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมีอาชีพเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนแต่จำเลยกลับยักยอกทรัพย์ของประชาชนทำให้ขาดความไว้วางใจพฤติการณ์ของจำเลยส่งผลต่อความเสียหายต่อสหกรณ์อย่างร้ายแรง อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงไม่สมควรรอการลงโทษ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2560 ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์คดีที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยื่นขอถอนฟ้องคดีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ ตกเป็นจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ จากการที่นายศุภชัยให้เจ้าหน้าที่บัญชีเบิกเงินสดของสหกรณ์ฯ รวมกว่า 22 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีของตัวเองและบุคคลที่ 3 โดยทุจริต โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายศุภชัย 14 ปี 24เดือน (หรือ 16 ปี)

แต่เนื่องจากระหว่างที่มีการอุทธรณ์คดี นายศุภชัยได้ให้ทนายความชดใช้เงินคืนให้กับสหกรณ์ฯ รวมกว่า 35 ล้านบาท สหกรณ์ฯในฐานะผู้เสียหาย จึงได้มอบหมายให้ผู้บริหารแผนฟื้นฟูของสหกรณ์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมผงประโยชน์ของสมาชิก และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายทะเบียนสหกรณ์ ดังนั้นเมื่อเกิดความเสียหายที่มีมูลค่าสูง กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และนายทะเบียนได้สั่งระงับการถอนฟ้องในคดีนี้แล้ว ดังนั้นผู้บริหารแผนฟื้นฟูที่ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการของสหกรณ์ฯ จึงไม่มีอำนาจในการขอถอนฟ้องคดีนี้อีก ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอถอนฟ้อง โดยให้คดีดำเนินไปตามกระบวนการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ต่อไป