- 16 ก.ย. 2560
เอากันจริงๆสักที !!!! พล.ท.นันทเดช รื้อฟื้นคดี ตามที่นปช.เรียกร้อง ...ดูแล้วหลักฐานเพียบ !?!? พูดไม่รู้จบ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ค ชื่อว่า Somsri Chantorn ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เรื่องการแถลงรายละเอียด การรื้อคดีสลายชุมนุมปี 53 ใหม่ซึ่งผู้โพสต์ระบุรายละเอียดไว้ดังนี้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ดูจากท่าทีของผู้มีอำนาจคงไม่ได้หมายถึงการสั่งห้ามรื้อคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ขึ้นพิจารณาใหม่ เพราะสิ่งที่ตนกำลังทำคือการทวงถามความยุติธรรมให้คนที่ถูกฆ่าตาย เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกาหรือการวินิจฉัยยกคำร้องโดย ป.ป.ช.ไม่ได้ทำให้ช่องทางเอาตัวคนผิดมาดำเนินคดีจบสิ้นลง
การนัดหมายหารือกับหลายฝ่ายก็เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านต่างๆ และหาข้อสรุปเรื่องแนวทางดำเนินการ ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างต้องเป็นไปภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดทางการเมือง โดยสัปดาห์หน้าจะแถลงรายละเอียดให้สังคมรับทราบ ยืนยันว่าจะสู้ทุกมุม เก็บทุกเม็ด ให้คดีนี้เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาเรื่องการเข้าถึงความยุติธรรมในสังคมไทย
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ระหว่างที่กำลังรอคำตอบจากป.ป.ช. ว่าเหตุใดรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ใช้แค่แก็สน้ำตา และสุดท้ายคำพิพากษาศาลระบุว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น ป.ป.ช.จ้างทนายฟ้องเอง แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ใช้เอ็ม 16 ติดกล้องยิงไกล ศาลชี้แล้วเกือบ 20 รายว่าตายเพราะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ถึงยกคำร้องนั้น ได้ข้อมูลจากผู้หวังดีว่า ปลายเดือนนี้ป.ป.ช.จะชี้มูลครม.ยิ่งลักษณ์ คดีอนุมัติเงินเยียวยาผู้บาดเจ็บล้มตายจากสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองซึ่งให้ทุกสีทุกฝ่าย ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่า เหตุการณ์ปี 2553 แกนนำและมวลชนคนเสื้อแดงถูกดำเนินคดีมากมาย รัฐบาลที่ให้เงินเยียวยาก็มีความผิด รอดอยู่พวกเดียวคือที่ฆ่าคนตาย แล้วมนุษย์ที่ไหนจะยอมรับได้
"ผมเคารพองค์กรศาล และเห็นว่าความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้จำกัดแค่คำพิพากษา แต่หมายถึงขั้นตอนทั้งหมดต้องยืนบนหลักนิติธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ถ้าบางขั้นตอนขัดต่อสามัญสำนึกของประชาชนอย่างชัดแจ้ง เราจะออกจากความขัดแย้งที่เป็นอยู่ได้อย่างไร สภาพอำนาจแบบนี้เสียงเรียกร้องใดๆ ของประชาชนอาจค่อยๆ เงียบไปถ้าไม่มีการตอบสนอง แต่ถ้าเป็นเสียงเรียกร้องความยุติธรรม ผมเชื่อว่ามีแต่จะดังขึ้นทุกวัน และดังไกลขึ้นทุกที"แกนนำ นปช.กล่าว
เกี่ยวกับเรื่องการออกมาเรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นคดีดังกล่าว พล.ท.นันทเดช ก็ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ว่า
การก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช.เมื่อ10 เม.ย.53 เริ่มต้นขึ้นด้วยการใช้อาวุธสงครามยิง ฮ.ก่อน แล้วขึ้นไปทำร้ายทหารบนสะพานพระปิ่นเกล้าฯ ยึดอาวุธสงครามไปได้ส่วนหนึ่ง
ต่อมาท่ี่บางลำภู การ์ดของกลุ่ม นปช.คนหนึ่งซึ่งกำลังผลักดันกันอยู่กับทหาร การ์ดคนนั้นได้ล้วงปืนพกออกมายิงใส่ทหารที่ผลักดันกันอยู่ซึ่งๆหน้าล้มลง 2คนกลางวันแสกๆ พอตกค่ำก็เริ่มต้นใช้อาวุธสงครามทุกชนิดประเคนยิงเข้าไปที่กลุ่มทหาร และประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนประชาชนย่านนั้นต้องนำทหารที่บาดเจ็บไปซ่อน
แค่นั้นไม่พอ กลุ่มชายชุดดำอีกชุดหนึ่ง ฮึกเฮิมถึงขั้นใช้อาวุธสงครามนาๆชนิดลอบสังหารนายทหารระดับผู้การกรมจนเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสไปถึง 4คน รวมถึงการฆ่าประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง อย่างหนัาตัวเมีย มีทหารบาดเจ็บมากมาย กล่าวกันว่า ทหารที่ตายและบาดเจ็บ มีจำนวนพอๆกับทหารไทยที่ไปรบในสงครามเวียดนามเลยทีเดียว (แตกต่างกันตรงที่ ที่ราชดำเนินทหารไม่สามารถใช้อาวุธโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มประชาชนได้ จึงถูกไล่กระทำเพียงฝ่ายเดียว)
ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คดีแรกๆที่จะฟ้องทหาร เป็นพลเรือนที่ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงตายหน้า ร.ร.สตรีวิทย์ 2คน ญี่ปุ่นคนหนึ่ง ฝ่ายที่จะเอาผิดทหาร พยายามเชื่อมโยงว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะผลการพิสูจน์ทั้งทางการแพทย์ และรูปภาพในคลิ๊ปวิดิโอ กลับยืนยันได้ว่ากระสุนที่ยิงใส่พลเรือน 2คนจนเสียชีวิตนั้นไม่ได้มาจากฝั่งทหาร นอกจากนั้น ประชาชนอีกคนก็ตายจาก"กระสุน"ที่ทางทหารไม่มีใช้ เรื่องการตายของพลเรือนที่หน้า ร.ร.สตรีวิทยา จึงยุติลงไป แต่ไปจับเอาเรื่องของพลเรือนที่ตายย่านราชประสงค์มาเล่นงานทหารแทน ตอนนี้ก็ยุติไปอีก
ผมจึงว่ารื้อฟื้นคดี ตามที่กลุ่ม นปช.
เรียกร้องมาก็ดีเหมือนกัน หลักฐานหลังจากการสลายตัวของกลุ่ม นปช.ยังมีอีกเพียบเลย
เอาเลยครับ เอากันจริงๆสักที ไม่งั้นพูดกันไม่รู้จักจบ
อ้างอิง พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์