- 03 ต.ค. 2560
รู้อย่างนี้แล้วยังจะกล้ากินอีกไหม 10 อาหารในชีวิตประจำวัน แต่กลับมีสารพิษซ่อนอยู่
อาหารการกินทุกวันนี้ที่เราทานกันที่เราคิดว่ามันไม่มีอันตรายต่อสุขภาพร่างกายเรา อีกทั้งแต่ละอย่างยังมีสรรพคุณต่อร่างกายอีกมากมาย แต่หารู้ไม่ว่า มันกลับมีอันตรายต่อเราอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากหลายๆสาเหตุ คุณรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้อาหารที่เรากินคิดว่ามันไม่เป็นอันตรายและทำ ให้สุขภาพดีนั้น อาจเป็นอาหารที่ทำลายสุขภาพของเราโดยที่พิษค่อยๆสะสมในร่างกายของเราและรอวันที่จะออกฤทธิ์ ซึ่งอาหารหลายชนิดที่เราไม่รู้เลยว่ามันมีพิษทั้งๆ ที่เราพบเห็นมันประจำและกินทุกวัน และนี้คืออาหารเป็นพิษ 10 อันดับ ที่เราไม่รู้มาก่อน
1. มันสำปะหลัง
มันสำปะหลัง เป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง เป็นพืชอาหารที่สำคัญอันดับ 5 รองจากข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และมันฝรั่ง พบทั่วไปในแคริบเบียนและอเมริกาใต้ รวมไปถึงเอเชีย มันสำปะหลังเมื่อทำสุกแล้วจะหวาน ซึ่งความจริงแล้วทั้งกลิ่นและรสชาติทั้งหมดขึ้นอยู่กับปริมาณกรดไฮโดรไซยานิค ซึ่งถ้ากรดดังกล่าวมีปริมาณน้อยรสจะหวาน หากมากรสจะขม และมันสำปะหลังนั้นมีพิษมากหากรับประทานดิบๆ หรือปรุงไม่ถูกวิธี เนื่องจากมันสำปะหลังดิบมีระดับไซยาไนด์ค่อนข้างสูง ซึ่งสารที่อันตรายมาก ถ้าหากคนหรือสัตว์นำมันสำปะหลังมารับประทานโดยไม่ต้มหรือเผาให้สุก เมื่อได้รับสารตัวนี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกน้ำลายฟูมปาก ชักและเสียชีวิตได้ แม้แต่วัวหรือควายตัวโตๆ ก็ตายมาแล้ว ดังนั้นวิธีลดพิษมันสำปะหลังดังกล่าวก็คือ การปอกเปลือก, การทำให้สุข, การหมักดอง ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมานี้สามารถลดความเป็นพิษลงได้มากจนถึงหมดไป ทำให้เราสามารถกินมันสำปะหลังได้โดยไม่เป็นพิษต่อร่างกายเลย
2. ปลาปักเป้า
ปลาปักเป้าทั้งน้ำจืดและ น้ำเค็มที่พบในประเทศที่มีอากาศร้อนและอบอุ่น โดยเป็นปลาต้องห้ามผลิตและจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลกเนื่องจากมันมีพิษ ที่ชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin)ในหนังปลา ไข่ปลา เนื้อปลา ตับ และลำไส้ มีความทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นสารดังกล่าวจะไม่ถูกทำลายจากการประกอบอาหาร ซึ่งสารดังกล่าวทำให้มนุษย์เสียชีวิตอย่างง่ายดายเพียงประมาณแค่ 2 มิลลิกรัม โดยสารพิษจะขัดขวางกระบวนการทำงานของระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์และระบบประสาท ส่งผลทำให้อาการลิ้นชา อาเจียน กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง เดินเซ ขยับเขยื้อนไม่ได้ หายใจลำบาก หากไม่รีบรักษาจะเสียชีวิต ส่วนปลาปักเป้าที่เลี้ยงสถานที่เพาะพันธุ์จะไม่มีพิษดังกล่าว โดยในประเทศญี่ปุ่นได้มีการบริโภคเนื้อปลาปักเป้ามาตั้งแต่โบราณ โดยเนื้อปลาปักเป้ามีภาษาญี่ปุ่นว่า “ฟุคุ” เนื้อปักเป้าถือว่าเป็นอาหาร ราคาแพงและหายาก โดยผู้ที่ต้องการแล่ปลาปักเป้าจะต้องไปเรียนวิธีการแล่เนื้อปลาจากสมาคมการแล่ปลาปักเป้าแห่งญี่ปุ่นและได้รับใบประกาศมา การแล่ต้องเอาเส้นเมาออกซึ่ง เส้นเมาหรือเส้นพิษจะมีขนาดเล็กและบางมาก โดยตัวหนึ่งจะมีเนื้อที่กินได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เนื้อปลาปักเป้าก็เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเนื่องจากรสชาดที่หวาน กรุบ และถือว่าการกินปลาปักเป้าเป็นการท้าทายความตายด้วย
3. เห็ด
เห็ด เป็นฟังไจชั้นสูงที่มีขนาดใหญ่หน้าที่หลักคือช่วยย่อยสลายซากพืชและสัตว์ให้ ผุพัง ดอกเห็ดส่วนใหญ่มีรูปร่างคล้ายร่ม มีหลายขนาดตั้งแต่เท่าเข็มหมุดถึงเท่ากับจาน โดยมีทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดมีพิษโดยเห็ดมีประมาณกว่า 38,000 ชนิดที่เรารู้จัก และประมาณไม่ถึง 100 ชนิดที่เป็นเห็ดพิษ โดยเห็ดพิษที่จัดว่าร้ายแรงที่สุดได้แก่ เห็ดในสกุล Amanita สกุล Helvella เห็ดหลายชนิดมีพิษที่ร้ายแรงสามารถฆ่าตาย ได้หากกินมันเข้าไป เช่น อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายต่อระบบทางเดินอาหาร ทำลายตับ ไต และหัวใจ ส่วนในเห็ดสกุลอื่นๆ ไม่เป็นอันตรายมากนักอาจทำให้เกิดอาการมึนเมาเท่านั้น นอกจากนี้การสังเกตว่าเห็ดชนิดไหนมีพิษไม่มีพิษนั้นเป็นเรื่องยาก ในสมัยก่อนเรามักได้ยินคนอื่นบอกว่าเห็ดพิษไม่มีพิษนั้นดูที่สีสัน หากสีสันสวยจะมีพิษ ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะเห็ดพิษบางชนิดก็ไม่มีสีสันสวยงามเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องใช้หลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเห็ดชนิดดังกล่าว ไม่มีพิษ
4. มะม่วงหิมพานต์
มะม่วงหิมพานต์ดิบจากร้านค้าทั่วไปความจริงแล้วเมล็ดดังกล่าวไม่ได้ดิบไปเสียทั้งหมดเพราะว่ามันผ่านการนึ่งและแกะเปลือกมาแล้ว โดยเปลือกของมะม่วงหิมพานต์ดิบของมันก็มีพิษเหมือนกันโดยมีสารพิษ ชื่อ urushiol, พิษที่ระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรงที่พบในไม้เลื่อย หากกินมากจะเกิดอันตรายต่อร่างกายรุนแรง ดังนั้นเวลาจะรับรับประทานผลเนื้อ จะต้องนำเกาะเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อน นอกจากนี้ยางจากมะม่วงหิมพานต์ ยังมีพิษทำลายเนื้อที่เป็นก้อนไต เช่น ตาปลา หูด
5. พริก
พริกมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งทำให้เกิดความเผ็ดร้อน พบได้ในพริกแทบทุกชนิดรวมทั้งในพริก ไทยและขิง สารดังกล่าวมีคุณสมบัติลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ หากคุณกินในปริมาณมาก ก็อาจได้รับอันตรายและถึงตายได้ และสารชนิดดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ผลิตสเปรย์พริกไทยในการวงการตำรวจ และผลิตซอสที่เผ็ดที่สุดในโลก(The source) ที่กินมากอาจถึงตายและทำให้ผิวหนังไหม้และกระเพาะทะลุได้
6. มันฝรั่ง
มันฝรั่งเป็นพืชมีพิษ ลำต้นและใบมันมีพิษแม้แต่ตัวมันฝรั่งของมันก็มีพิษ เปลือกมันฝรั่งมีสารพิษ จากธรรมชาติ สารพิษที่ว่านี้คือ Chaconine และ Solanine อาการที่ได้รับสารพิษจากเปลือก มันฝรั่งก็คือ คลื่นไส้ เลือดลมผิดปกติ ไตมีปัญหาและเกิดพิษ โดยเฉพาะจุดเขียวๆ และตาของมันฝรั่งมีพิษ และหากเก็บมันฝรั่งไว้ในที่สว่างหรือที่ร้อนก็จะยิ่งเพิ่มสารพิษมากขึ้นถึงสี่เท่าภายในเวลาไม่กี่วัน และหัวมันฝรั่งเองก็มีพิษ ซึ่งได้แก่ สาร Glycoalkaloids ซึ่งจะไป ยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์คอลีนเอสเทอเรสทำให้เกิดอาการปวดหัว อาเจียน ท้องเสีย หรืออาจจะมีอาการป่วยหนักมากขึ้นหากรับประทานสารนี้เข้าไป มากกว่า 2.5มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว และที่สำคัญคือ ความร้อนไม่สามารถจะทำลายสารนี้ลงได้ หากแต่ปัจจุบันเราพิษจากมันฝรั่งดังกล่าวเพราะสารดังกล่าวในมันฝรั่ง ประมาณ 0.01 – 0.1% น้ำหนักแห้งเท่านั้น อีกทั้งร่างกายยังต้านทานต่อสารพิษอีกด้วย
7. อัลมอนด์
อัลมอนด์ เป็นหนึ่งในถั่วมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงมีโปรตีนไขมันสุขภาพ, วิตามินและแร่ธาตุ และคุณรู้หรือไม่ว่าอัลมอนด์เป็นอีกหนึ่งในผลไม้ที่มีพิษนั้นก็คือไฮโดรเจน ไซยาไนด์ ที่อยู่ในถั่วอัลมอนด์ดิบ ดังนั้นด้วยเหตุนี้อัลมอนด์ดิบส่วนใหญ่จะต้องอบให้สุกก่อนที่จะมาจำหน่าย และมีหลายประเทศหมายว่าการขายอัลมอนด์ดิบถือว่าผิดกฎหมาย
8. เชอร์รี่
ในเมล็ดของเชอรี่มีสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ โดยเฉพาะเวลาที่คุณเคี้ยว ผลเล็กๆของเชอรี่ เชอรี่จะผลิตไฮโดรเจนไซยาไนด์โดยอัตโนมัติ หากแต่พิษค่อนข้างอ่อน อย่างมากแค่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน วิตกกังวลและอาเจียน หากกินมากอาจมีปัญหาเรื่องหัวใจและความดันโลหิจ อาจทำให้ไตวาย ชัก และเสียชีวิตได้
9. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่นิยม ไม่ว่าคุณไปไหน คุณก็จะเห็นผลไม้ชนิดนี้ในแผงขายผลไม้ทุกครั้ง แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อร่อย และได้ชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากจนถึงกับมีคำกล่าวว่า กินแอปเปิ้ลวันละลูกห่างไกลโรคภัย ถูกต้อง แอปเปิ้ลดีต่อสุขภาพ เช่นเดียวกันแอปเปิลนั้นมีพิษ หากแต่พิษของมันอยู่ที่เมล็ดที่มีสารพิษไซยาไนด์ตัวเดียวกับที่ถูกใช้เป็นยา พิษมาเป็นเวลานาน ตัวเดียวกับที่ปรากฏในโคนันบ่อยครั้ง พิษในเมล็ดแอปเปิ้ลดังกล่าวนั้นมี จำนวนน้อยมาก หากจะให้คนตายจะต้องใช้เมล็ดแอปเปิ้ลจำนวนเยอะมาก แต่กระนั้นการกินเมล็ดแอปเปิ้ลนั้นไม่มีเรื่องที่ดีแน่นอน เพราะการเคี้ยวหรือบดจะช่วยเร่งอัตราการดูดซับสารพิษของร่างกายเรา หรือไม่ก็การกลืนเมล็ดอาจติดคอเราก็ได้
10. มะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด พูดง่ายๆ มะเขือเทศมีแหล่งอหารที่มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว แต่กระนั้นคุณรู้หรือไม่ว่ามะเขือเทศนั้นมีพิษ หากแต่พิษที่ว่านั้นไม่ได้อยู่ในส่วนผลของมะเขือเทศส่วนของลำต้น(ก้าน) เพราะมันมีสารพิษ Glycoalkaloid(Glyco คือคาร์โบไฮเดรตโมเลกุล ใหญ่ๆ Alkaloid มันจะหมายถึงสารเคมีอันตรายกลุ่มหนึ่งที่พบมากในสารเสพติด เช่น บุหรี่ กัญชา กระท่อม) ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง อาจระส่ำระส่ายครั่นเนื้อครั่นตัวเนื่องจากมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังเกิดการระคายเคืองจากการเผาไหม้อาจทำให้ปากและลิ้นเป็นแผลได้ หากรับประทาน(สารเคมีดังกล่าวมีประโยชน์ในการใช้ควบคุมศัตรูพืช) ดังนั้นครั้งต่อไปหากเราจะกินมะเขือเทศอย่าลืมเอาก้านออกด้วย(มะเขือเทศเป็น อาหารต้องห้ามของแมว ห้ามให้แมวกิน อาจตายได้)