คนไทยเศร้า!! ธนาคารโลกเผย เศรษฐกิจไทยโต 3.5% ต่ำสุดในอาเซียน?? เขมรปาดหน้าแซงขึ้นที่ 1 (รายละเอียด)

วันนี้ (04/10/2560) นายชูเดียร์ แชตตี้ หัวหน้านักเศรษฐศาตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ธนาคารโลก เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ฉบับเดือนตุลาคม ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจประเทศที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคฯ ทั้งการฟื้นตัวของสินค้าโภคภัณฑ์ และการค้าระหว่างประเทศ ทำให้มีการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคฯ ปี 2560 เติบโตร้อยละ  6.4 เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่อยู่ระดับร้อยละ 6.2 และประเทศไทย เติบโตได้ดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3.5 

แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในอาเซียน อันดับหนึ่งคือ กัมพูชา คาดว่าเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 6.8 รองลงมาเป็นลาว ขยายตัวร้อยละ 6.7 และ ฟิลิปปินส์ ขยายตัวร้อยละ 6.6 ตามลำดับ

ด้านนางวิคตอเรีย กวากวา รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกบอกว่าในรายงาน East Asia and Pacific Economic Update ฉบับเดือนตุลาคม 2560 ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกในปีนี้เป็นเติบโต 6.4% จากเดิม 6.2%  เป็นผลจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตกว่าที่คาดไว้ที่ 6.7%  เท่ากับการเติบโตในปีพ.ศ. 2559 

ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตสูงขึ้นเล็กน้อย

สำหรับประเทศไทย  ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีในปีนี้เป้น 3.5% จากเดิม 3.2% เพราะคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเร็วกว่าที่คาดไว้ ในระยะแรก เนื่องจากการส่งออกที่เข้มแข็งซึ่งรวมถึงภาคการท่องเที่ยวและในระยะต่อมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.6% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 3.3% 

อย่างไรก็ตามแม้ธนาคารโลกจะปรับเพิ่มจีดีพีของไทย แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียน เศรษฐกิจของไทยก็ยังเติบโตในระดับต่ำ ที่สุด 

ทั้งนี้ ธนาคารโลกยังระบุถึงการปฏิรูปเชิงโครงสร้างของแต่ละประเทศ โดยในส่วนของฟิลิปปินส์ ไทย สปป.ลาว และกัมพูชา ธนาคารโลกระบุว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงระบบการจัดการการลงทุนภาครัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการขยายตัวของโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในขณะที่อินโดนีเซียควรให้ความสำคัญกับเรื่องเปิดเสรีกฎระเบียบการลงทุนจากต่างประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก Money channel 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก