- 08 พ.ย. 2560
ประวัติไม่ธรรมดา "ฤาษีคัมภีร์ คัมภีรปัญโญ" เจ้าพิธีกรรมขับไล่ "ปอบนาบง" พบ!! สำเร็จตำราไสยเวทย์จากเสียมราฐ !!
ประวัติชาติภูมิ : ปู่ฤาษีคัมภีร์
...............................................................
ปู่ฤาษีคัมภีร์ "ฤาษีคัมภีร์ คัมภีรปัญโญ" : ท่านเกิดที่บ้านเลขที่ 234 หมู่ 5 บ้านเชียงยืน ต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีพี่น้อง 3 คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง ซึ่งท่านบรรพชาตั้งแต่อายุ 12 ปี ณ.วัดกลางเชียงยืน โดยมีพระครูบุญศิริธรรม เจ้าคณะตำบลเชียงยืน เป็นอุปัชชาย์.
ท่านเรียนต่อมัธยมศึกษาปีที่ 1 ณ.วัดปัจจิมเชียงยืน จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงได้ไปศึกษาต่อในแผนกธรรมบาลี ณ. วัดชัยศรี บ้านเสียว อ. น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยพระครูสุธีปริยัติโยดม เป็นเจ้าสำนักเรียน จนจบเปรียญธรรม 5 ประโยค จึงได้ยุติการศึกษาด้านธรรมบาลี.
ท่านได้สืบ "วิชาธรรมเก้าโกฏิ" จากปู่ของท่าน โดยในข้อห้ามของพระธรรมเก้าโกฏิมีอยู่ว่า ผู้จบธรรมห้องปาฏิหาริย์ จะไม่สืบทอดวิชาธรรมนี้แก่บุตร ผู้รับช่วงต่อคือหลานชายเท่านั้น ปู่ฤาษีคัมภีร์จึงมีศักดิ์และสิทธิ์ในการรับมอบ ตำแหน่งหมอธรรม ตั้งแต่ "อายุ 10 ปี" โดยในการสืบธรรมเก้าโกฏินี้ จะมีการเสี่ยงทาย ผู้ที่จะได้เป็นอาจารย์นั้นต้องเสี่ยงไม้หวาย 9 กำ ว่าจะตกโศก (โฉลก) ที่ไหน ตกโศกดีก็ได้ ตกโศกร้ายไม่มีสิทธิเรียน อาจารย์ฤาษีคัมภีร์จึงมีศักดิ์เป็นอาจารย์ตั้งแต่อายุ 13 ปีเท่านั้น!
ในขณะที่ท่านศึกษาพระบาลีที่บ้านเสียว อ. น้ำพอง จ.ขอนแก่น ท่านได้พบกับสามเณรรูปหนึ่ง จากประเทศกัมพูชา ที่หลบลี้หนีมา ศึกษาพระบาลี ในประเทศไทย (ซึ่งที่ประเทศกัมพูชาในสมัยนั้น 3 ปีจะมีการสอบพระบาลีเพียง 1 ครั้ง) แต่ในขณะที่ประเทศไทยมีสอบทุกปี สามเณรรูปนั้น จึงต้องมาศึกษาในประเทศไทย สามเณรรูปนั้นชื่อ "สามเณรสาย" ไม่มีนามสกุล โดยศึกษาที่เดียวกับ ปู่ฤาษีคัมภีร์ อยู่ 3 ปี จนสนิทสนมกันในวันหนึ่งสามเณรสายจึงเล่าเรื่องวิชาของประเทศเขาให้ฟังว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ จึงทำให้ ปู่ฤาษีคัมภีร์ ต้องการไปศึกษา เพราะว่าท่านมีความชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย.
ประมาณปี พ.ศ. 2533 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากมีการสอบพระบาลีเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยความต้องการไปศึกษา จึงโกหกมารดาเพื่อขอค่าน้ำมันรถ จึงได้ออกเดินทางสู่ประเทศกัมพูชา เดินทางอยู่ 3 วันจึงถึงประเทศกัมพูชา โดยไปทางช่องจอมสุรินทร์ เข้าเขตอำเภอกำป๊อด ผ่านทะลุเทือกเขาที่แปลเป็นไทยว่า "เทือกเขาช้างดำ" และเดินธุดงด์ต่อไปเรื่อยๆจนถึง ที่อำเภออุดรมีชัย ซึ่งในภาษาเขมรเรียกว่า"บันเตียนเมียนเจย" ต่อเข้าเสียมราฐ สามเณรสายจึงพาไปฝากตัวกับ "อาจารย์เพลาโลว" ซึ่งท่านเป็นหมอต่อช้าง พวกส่วยประเทศไทยเรียกว่าปะตายิ ท่านจึงขอเรียนวิชา ผีประกำ และมนต์ต่างๆ ที่ไว้ใช้สะกดอาถรรพณ์ ในป่าดงดิบ จากนั้นสามเณรสายจึงพาไปฝากตัวกับอาจารย์สักยันต์ แต่อาจารย์ท่านนั้นได้เสียไปก่อน.
ในขณะนั้น ชาวบ้านได้ เล่าลือกันว่ามีฤาษีท่านหนึ่งอยู่ที่เทือกเขาพนมสิมเจียม ของเสียมราฐ จึงได้เดินทางไปเรียนกับฤาษีย์ท่านนี้ ฤาษีท่านนี้ชื่อว่า "ดาบ๊อสเจลียง" ในขณะที่ท่านไปเรียน สามเณรสายได้สมัครไปเป็นทหารเขมรแดง จึงทำให้ท่าต้องศึกษาคนเดียว ดาบ๊อสเจลียงได้สอนวิชาต่างๆอาทิเช่น มนต์เสาะเบรียะโนงมูย มนต์เสน่งโกนเมือน ,มนต์เสน่งโพรงกู๊ด ฯลฯ
ในการศึกษานี้ผู้ใดจะสำเร็จต้องเอาเมล็ดสมอมาอมไว้ในปากแล้วภาวนา จนเมล็ดนั้นแตกจึงถือว่าสำเร็จ ท่านศึกษาอยู่ 3 ปี จึงได้กราบลา ดาบ๊อสเจลียง เพื่อออกเดินทางต่อ ตอนออกจากป่าท่านจึงหลงอยู่ในป่า 3 วัน ( ตอนนั้นสามเณรสายได้สมัครไปเป็นทหารเขมรแดงจึงต้องเดินทางคนเดียว )
จึงได้พบกับ "อาจารย์ภะแม" (นายพรานป่า) อาจารย์ภะแมจึงได้พาออกจากป่า แล้วได้ปักกลดที่บ้านของอาจารย์ภะแม อาจารย์ภะแมพรานป่าผู้นี้มีสิ่งแปลกคือ ท่านมีภรรยา 4 คนอยู่บ้านหลังเดียวกัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงทำให้ ปู่ฤาษีคัมภีร์ อยู่ศึกษามนต์กับท่าน อาทิเช่น มนต์กลืนใจนาง (วิชานี้ทำฝ้ายผูกแขนผู้หญิง ) เป็นต้น ใช้เวลาศึกษาอยู่ 6 เดือน ได้ยกครูใน วันสุริยคลาส (ถ้าผู้จะศึกษา จะต้องยกครู ในวันสุริยคลาส เท่านั้น)
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียง "ประวัติชาติภูมิ" ของปู่ฤาษีคัมภีร์ แสนวัง อย่างคร่าวๆ พอสังเขป ประกอบกับเพื่อที่จะ "บันทึก" ให้ลูกศิษย์ลูกหา ที่เลื่อมใสใน "ปู่ฤษีคัมภีร์ แสนวัง" ได้ทราบ ถึงประวัติความเป็นมาเป็นไปในตัวท่าน ทั้งในเรื่องชีวิต การศึกษา การเล่าเรียนไสยเวทย์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องสืบไปเทอญ....
ที่มา : นายธีรพัชร์ วงศ์วรนิตย์ http://teerapat992000.blogspot.com