- 19 ม.ค. 2561
สุดเจ็บปวด!! ลูกน้อยล้มที่รร. แขนบิดผิดรูปอาการหนักถามไปถามมาถูกเพื่อนร่วมชั้นทำร้าย ยิ่งได้คุยกับแม่เด็กปรี๊ดหนัก "พ่อแม่รังแกฉัน" แท้ๆ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.61 ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Jor Jeab ได้โพสต์เรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนของลูกน้อย โดยระบุว่า...
วันนี้เป็นวันที่ชีวิตความเป็นแม่เสียน้ำตามากที่สุด เมื่อได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายว่าลูกคนเล็ก (น้องชิริว) ล้มที่โรงเรียนแล้วแขนบิดผิดรูป เชื่อมั้ยใจแม่ร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มร้อนรนอยากรีบออกไปหาลูกที่โรงพยาบาล รีบโทรหาคุณครูว่าลูกอยู่โรงพยาบาลไหน ใจคิดอย่างเดียวอย่าให้ลูกเป็นอะไรหนัก อย่าได้รุนแรง สรุปว่าครูพาน้องไปที่โรงพยาบาลเมืองปทุมคุณหมอ X-Ray ผลปรากฎว่ามันหนักกว่าที่คิดคือที่นั่นไม่สามารถทำการรักษาได้ คุณครูจึงพาน้องไปที่โรงพยาบาลปทุม แม่เลยตามไปที่นั่น สิ่งที่เห็นคือเห็นแขนลูกตัวเองบิดออกมา ใจแม่แทบทรุด คิดอย่างเดียวต้องเข้มแข็งไม่งั้นลูกจะใจเสีย หมอก็ยังไม่มาดู รอจนนานจึงโทรหาสามีบอกว่าเอาไงดี สามีบอกคำเดียวย้ายโรงพยาบาลด่วนแล้วสามีก็เข้ามารับลูกที่โรงพยาบาล เพื่อพาน้องไปรักษาต่อโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เราโทรหาพี่สาว พี่สะไภ้ ให้มาเจอกันที่โรงพยาบาล พอเจอคุณหมอทีแรกหมอพูดตัดกำลังใจเรามาก ถึงผลที่จะตามมา นาทีนั้นน้ำตาไหลพราก พูดไม่ออก ถามต่อไม่ไหว นึกประโยคคำถามไม่ออก รู้แต่ว่า สงสารลูกเหลือเกิน
หมอพูดว่ามันเป็นที่รุนแรง มันต้องแรงมากๆ กระดูกถึงได้หักหลุดออกมา โดยปกติจะเจอแค่ร้าวแตก คุณหมอถามกลับมาว่าถามจริงๆ ว่าลูกไปโดนอะไรมา นาทีนั้นรู้แต่ว่าลูกล้ม เพราะรู้มาแค่นั้น ถามลูก ลูกนิ่งไม่ยอมบอกเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งอาการนี้น้องเคยเป็นเนื่องจากโดนเพื่อนในห้องเรียนคนเดิมเลยค่ะชกเข้าหน้าอก หยิกที่แขนจนเขียวเป็นรอยช้ำ เวลายายอาบน้ำให้โดนหน้าอกไม่ได้เลยกระโดดร้องเจ็บ ตอนนั้นเราก็คิดว่าไม่พูดดีกว่า เด็กเล่นกันคงเป็นแบบนี้ มันต้องมีกระทบทั่งกันบ้าง แต่เที่ยวนี้คุณหมอบอกคำแรกกับคุณแม่คือ คุณแม่ครับเคสนี้ค่าใช้จ่ายสูงนะเพราะต้องผ่าตัดน้องเพื่อใส่เหล็กดามเอาไว้ต้องใช้เวลาให้กระดูกมันติดกัน
นาทีนั้นไม่คิดมากเลยตัดสินใจได้ทันที คุณแม่สะดวกจ่ายค่ะขออย่างเดียวให้คุณหมอรักษาน้องอย่างดี ให้หายเพราะคุณพูดว่าต้องกายภาพบ่อยๆ นะ ไม่งั้นถ้าดูแลไม่ดีกล้ามเนื้อที่มือจะลีบ เราก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก วินาทีนั้นอะไรก็ได้เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่คิดมากไม่เสียดาย คิดอย่างเดียวลูกต้องหาย นั่งร้องไห้กัน 2 คน กับพี่สาว จนคุณหมอต้องเดินมาดูและปลอบเป็นระยะ นาทีที่คุณหมอบอกว่าเตรียมเข้าห้องผ่าตัด ใจมันก็หวิวๆ อีกครั้งความกลัวก็มาอีกครั้งโลกมันช่างมืด ลุ้นๆ แต่พอคนเริ่มถามว่าตกลงริวไปโดนอะไรมา หมอก็กลับมาถามซ้ำๆ ว่าตกลงน้องไปโดนอะไรมา จึงได้ตั้งสติว่าเออเราเป็นแม่ทำไมหาคำตอบไม่ได้ตอบคำถามง่ายๆไม่ได้วะเราก็ไม่ใช่คนโง่นะ จึงค่อยๆ คิดว่าลูกเรา ชิริวเป็นเด็กนิ่งๆ ถ้าไม่สนิทก็จะไม่ค่อยเล่นด้วยจะหนี ยอมที่จะเล่นคนเดียวถ้าเจอเพื่อนที่เกเร
อยู่ๆ จะล้มไปเองไม่น่าจะใช่ นั่งคิดวนเวียน จนพยาบาลมาตามเข้าไปเพื่อไปนั่งข้างเตียงลูกรอลูกฟื้นจากยาสลบจะได้เห็นหน้าแม่จะได้ไม่กลัว นาทีที่ลูกลืมตาขึ้นมาใจมันยิ้มได้ขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังไม่กล้าถามลูกกลัวเป็นการบีบคั้น ทำให้ลูกเครียดเกินไป จริงแล้วเราเป็นคนตลกนะชอบพูดชอบเล่นให้เพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้องขำหัวเราะ เพราะเราคิดว่าการที่คนเราหัวเราะหรือยิ้มออกมาได้เขาจะต้องมีความสุขจริงๆ มันจึงติดเป็นนิสัยส่วนตัว พอดูจากสีหน้าของลูกดีขึ้น เริ่มพูดได้นิดหน่อยเขาเริ่มมีสติ คำตอบที่เราอยากรู้มาตั้ง 3-4 ชั่วโมง เราก็เริ่มหลอกถาม โดยอ้างว่า ชิริวคุณหมอเขาอยากรู้ว่าชิริวล้มได้ไง ตอนแรกลูกก็ยังเงียบ จึงพูดต่อไปว่า ถ้าริวไม่พูดความจริง คุณหมอจะรักษาไม่ถูกจุด จะจ่ายยาไม่ถูกนะ แล้วหนูก็จะกลับบ้านช้ากว่าเดิมต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันนะ ทันใดนั้นชิริวก็พูดออกมาจนหมดเปลือก ว่า
เพื่อนในห้องเดียวกันชื่อ... วิ่งมาผลักอย่างแรงแล้วหนูก็ล้มลงไป เราจึงถามต่อว่า หนูเล่นกับเขารึเปล่า หรือว่าแย่งของเล่นกัน ลูกบอกว่าไม่ หนูยืนอยู่เฉยๆ ปกติไม่เคยเล่นกับเขาอยู่แล้วเขาชอบแกล้งเพื่อนๆ ในห้อง ชอบชกชอบต่อย และก็คนนี้แหละที่เคยชกอกหนู คราวนี้ความจริงปรากฎเป็นหางว่าวจ้า แต่เราก็ยังทำใจเป็นกลางยังไม่ปักใจ รอจนเย็นเพื่อจะถามเพื่อนสาวคนสนิทซึ่งเรียนห้องเดียวกันสนิทกันมักจะไปไหนด้วยกัน รออย่างกระวนกระวาย จนนาทีสำคัญก็มาถึงความจริงกระจ่างหมดเพื่อนเล่าทุกช๊อต คราวนี้แอร์ในห้องโรงพยาบาลเย็นแค่ไหนก็ดับจิตใจอย่างเจี๊ยบไม่ได้ เพราะรอจนถึงมืดไม่มีการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้นของผู้ปกครองคู่กรณี ไลน์ส่งรูปเข้าไปในกลุ่มผู้ปกครองด้วยกันนางก็เงียบเหมือนไม่มีตัวตน เหมือนเป็นแค่อากาศแต่เป็นอากาศที่ไม่บริสุทธิ์นะ
ในขณะที่คนอื่นมาให้กำลังใจและเป็นห่วงน้อง เราต้องขอบใจบุคคลเหล่านี้มากๆ นะถึงแม้เราไม่เคยเจอหน้ากัน ไม่เคยคุยกันแต่เขามีน้ำใจกับเรามากคอยถามตลอดว่าน้องเป็นไงบ้าง ขอบคุณแทนน้องริวนะคะ ช็อตเด็ดของมนุษย์แม่อย่างนางก็มาถึง คือเริ่มจากนางโทรไลน์มาหาเรา 3 ครั้งแต่เราไม่ได้รับสายเพราะเราปิดเสียงโทรศัพย์เลยไม่ได้ยิน หลังจากที่เราเห็นว่าหล่อนโทรมาจึงปรึกษากับที่บ้านว่าเอาไงดีทุกคนพูดเสียงเดียวกันคือให้เราโทรกลับไป เราจึงโทรกลับโดยเราเปิดสปีคโฟน ให้ทุกคนได้ยิน ไม่รู้ซิเป็นนิสัยส่วนตัวทุกครั้งเวลาที่คุยกับคนที่เราคิดว่าเขาคิดไม่ดีคิดไม่ซื่อ ไม่ชอบคนคด คนโกหกคนที่ไม่คิดจะให้เกียรติกันเราชอบเปิดเผยให้คนรอบข้างฟังคนพวกนี้ไปพร้อมๆ กับเรา แล้วมันก็ใช้ได้ดีทุกครั้ง เราไม่ต้องเสียเวลาบรรยายสรรพคุณของนางด้วยเก็บเวลาไว้ทำสิ่งทีมีประโยชน์ดีกว่าเยอะ เล่าต่อนะเราเริ่มง่วงและเหนื่อยละอยากพักร่าง
คือเราโทรกลับไป นางไม่มีอาการตกใจเดือดร้อนซักนิด ไม่เอ่ยคำขอโทษซักคำ น้ำเสียงนางเหมือนจ้องจะหาเรื่องตลอดเวลา คุยได้ซักพัก เราและพี่ๆ เริ่มโมโห รอว่านางจะขอโทษตอนไหน จนรอไม่ไหวจึงพูดขึ้นมาว่า นี่ไม่คิดที่จะขอโทษกันเลยซักคำเลยหรอ นางยังนิ่ง จิตใต้สำนึกนางช่างลึก หรือว่านางไม่เคยมี เราก็ปี๊ดดดดดดดดด มากกว่าเดิมทุกคนในห้องปี๊ดไปพร้อมๆ กันตรงที่ว่าให้เตือนลูกนะสอนลูกนะเพราะเพื่อนๆ ในห้องเดียวกันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากเล่นด้วยชอบชกต่อยผลักเพื่อนหัวแตก เราก็เป็นแม่คนเหมือนกันก็รู้เหมือนกันว่าลูกเราไม่ได้ดีเสมอ ไม่ได้ดี 100% มันต้องมีปะปนกันบ้าง แต่เมื่อลูกเราผิดก็ต้องมีวิธีตักเตือนมีวิธีดัด ขึ้นอยู่กับเด็กว่าเหมาะกับไม้แบบไหน แต่สิ่งที่นางพูดออกมามันใช่คนที่มีวุฒิภาวะของคนเป็นแม่มั้ย นางบอกว่าตักเตือนแล้วอบรมแล้วแต่ได้แค่เนี้ยมีไรมั้ย เดือดๆๆๆๆๆๆๆ มากกกกกกก นางชี้แจงว่าลูกตัวก็มีแผลกลับมาเหมือนกันวันอื่นๆ นะ เราเลยพูดออกไปว่าแล้วเคยคิดบ้างมั้ยว่าลูกตัวไปทำเขาก่อนแล้วก็ชอบแกล้งเพือนๆ เขาคงเอาคืน มันก็เป็นเรื่องของผลของการกระทำนะ แล้วรู้มั้ย ชิริว ต้องมานอนเจ็บตัวแบบนี้เพราะใคร ทั้งๆที่ริวและเพื่อนๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันเข้าไปในโทรศัพท์ ว่า... ชอบรังแกคนอื่นริวไม่คิดที่จะเล่นด้วย ตัวริวก็เล็ก ผลออกมาเป็นไง ลูกเราต้องมานอนเจ็บตัว
สิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด ค่ายา ค่าห้อง ตอนนี้ปาเข้าไปแสนกว่าแล้ว คุณรับผิดชอบได้มั้ย นางสวนทันควันว่านางไม่มีปัญญาชดใช้ให้ได้ให้เราเลิกคิดไปเลย ยังไงก็ไม่ชดใช้ เห้ยดูคำพูดนางดิ ทำให้เราอยากเจอตัวมากๆ คือนางไม่มีความรับผิดชอบ นางไม่รู้จักชั่วดี (จริงๆ แล้วเรื่องเงินไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับครอบครัวเราเลยแต่เราแคร์จิตใจและร่างกายของลูกเรามากกว่าอำนาจเงินมากกกกกก จำไว้) สรุปคือนางยังมีเรื่องน่าเกลียดอีกเยอะยิ่งได้คุยกับนางรู้สึกขยะแขยงมากกกก จัดตัดสินใจวางสายเพราะคุยไปก็เปล่าประโยชน์นางไม่สำนึกผิดเลยซักนิด อย่างนี้ซิที่เขาเรียกว่า พ่อแม่รังแกฉัน เราจึงติดต่อคุณครูให้ครูนัด ซิสเตอร์ และนาง มาเจรจา ครูสัญญาว่าจะติดตามเรื่องนี้ เรามีหน้าที่ตอนนี้คือดูแลลูกเราให้ดีที่สุด ทำให้แข็งแรงเร็วที่สุด สอนลูกไม่ให้ปกปิด มีไรต้องบอกต้องเล่า ไม่งั้นเกิดไรขึ้นเรื่องมันก็จะถูกลืม แล้วมันก็จะผ่านไปแบบเงียบๆ คนคิดไม่ดีก็จะลอยนวลเขาก็จะไปทำกับคนอื่นอีก ไปก่อนนะไม่ไหวตาบวมเหลือทน นอนก็ไม่หลับระแวงกลัวลูกปวดแผล สงสารจับใจ สู้ๆ นะชิริว แม่ พ่อ ยาย ป้า ลุง จะทวงถามความยุติธรรมให้ลูกจนได้ คุณพระคุ้มครอง ชีวิตความเป็นแม่ของมันยังรับผิดชอบลูกตัวไม่ได้นับประสาอะไรกับชีวิตลูกคนอื่น จบนะ
ขอบคุณ : Jor Jeab