- 07 ก.พ. 2561
"ประธานเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ" ยืนยันไทยและสหรัฐฯ พัฒนาความร่วมมือไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
7 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 15.00 น. พลเอก Joseph F. Dunford, Jr. ประธานคณะเสนาธิการร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทยในฐานะแขกของกองทัพไทย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยพลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีและประธานคณะเสนาธิการร่วมฯ หารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ประธานคณะเสนาธิการร่วมฯ เดินทางมาเยือนไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยและสหรัฐ ระหว่างวันที่ 6-8 ก.พ. 2561 ซึ่งนับเป็นผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระดับสูงสุดที่เดินทางมาเยือนไทยในรัฐบาลนี้ ด้านประธานคณะเสนาธิการร่วมฯ กล่าวว่า การมาเยือนไทยครั้งนี้ เป็นการสะท้อนว่าไทยยังคงเป็นพันธมิตรที่สำคัญในภูมิภาคของสหรัฐฯ โดยปีนี้ครบรอบ 185 ปี ที่ทั้งสองฝ่ายสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และครบรอบ 200 ปี ที่ประชาชนไทยและสหรัฐฯ ติดต่อสัมพันธ์กัน นายกรัฐมนตรีและประธานคณะเสนาธิการร่วมฯ หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมองถึงผลประโยชน์ร่วมกัน มองไปข้างหน้า และสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือในฐานะพันธมิตรที่ดีต่อกันมายาวนาน
ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศจะเป็นรากฐานที่สำคัญที่จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังประทับใจในการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยไทยและสหรัฐฯ ต่างมุ่งมั่นที่จะสานต่อและขยายความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกระดับ
สำหรับความร่วมมือทางด้านความมั่นคงและการทหาร นายกรัฐมนตรีและประธานคณะเสนาธิการร่วมฯต่างแสดงความยินดีที่กองทัพไทยและสหรัฐฯ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนและกลไกความร่วมมือต่างๆ อาทิ การศึกษา การฝึก การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งที่ผ่านมาไทยและสหรัฐฯ มีความร่วมมือด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความยินดีที่โครงการฝึกผสมร่วม Cobra Gold ที่มีความต่อเนื่องยาวนานกว่า 35 ปี และนับได้ว่าเป็นการฝึกร่วมพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า โครงการฝึกร่วมดังกล่าวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมความมั่นคงในการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้ง การเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติ
ในช่วงท้าย ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่า ไทยและสหรัฐฯ ได้มีการพัฒนาไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยยังให้ความสำคัญกับความสงบสุขและความมั่นคงในภูมิภาค ในส่วนของประเด็นภายในประเทศ นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ไทยดำเนินการตาม Roadmap มาโดยตลอด ขณะนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติ อยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และนายกรัฐมนตรียืนยันเจตนาที่จะปฏิรูปไทยไปสู่ประเทศที่มีการปกครองประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งประธานคณะเสนาธิการร่วมฯ ได้แสดงความเข้าใจ