- 20 ก.พ. 2561
กลุ่มธรรมาภิบาลและสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ เข้ายื่นหนังสือถึง DSI ตรวจสอบ นายบุญส่ง อดีตประธานสหกรณ์ฯ กรณียักยอกเงิน (รายละเอียด)
จากกรณีที่ นายเติมสิทธิ์ บุญณรงค์ และ นายประเทือง กล้าณรงค์ ผู้เสียหายที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการพิจารณาเงินกู้ ของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ และถูกปลอม ลายมือชื่อ ร่วมอนุมัติเงินกู้ 199 สัญญา รวมมูลค่ากว่า 2200 ล้านบาท ทำให้สหกรณ์ ได้รับความเสียหาย ในวันนี้ 20 ก.พ. 61 เหล่าสมาชิกกว่า 30 คน เดินทางมาที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มายื่นหนังสือขอให้ช่วยตรวจสอบ โครงการ บุญสิตา และ อาลีบาบา1 และอาลีบาบา2 โดยมีพ.ต.ท จรัญ แสงหิรัญ ผอ.สำนักกองกฎหมาย เป็นผู้รับหนังสือ
โดยนายสาโรจน์ สุขแสงดาว หนึ่งในสมาชิก สหกรณ์ออมทรัพย์รถไฟ จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้ไม่สามารถถอนเงิน หรือกู้เงินกับสหกรณ์ได้ เพราะเงินไม่มีแล้ว และลำบากมาก เพราะเงินที่เอาลงไปในสหกรณ์ออมทรัพย์รถไฟ เป็นเงินที่เก็บมาตลอดในช่วงเวลาทำงาน แล้วนายบุญส่งกับ พวก อีก 5 คนก็หายตัวไปตามตัวไม่ได้ แต่ได้รับเบาะแสมาว่า นายบุญส่งและนายวีระชัย มีบ้านพักอยู่แถวซอยอุดมสุข51 ในวันนี้จึงเดินทางมาร้องเรียนต่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษให้ช่วยตามคดี
ด้านนายกิ่งแก้ว โยมเมือง ทนายความกล่าวต่อว่า ได้ลงพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับ ทีมข่าวสำนักข่าวทีนิวส์ ผลปรากฏว่า การจัดหาที่ดินดังกล่าว เพื่อที่จะพัฒนาจัดเป็นโครงการ เรื่องที่อยู่อาศัยให้แก่สมาชิกนั้น พบว่า ที่ดินแปลงนี้นายบุญส่งเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เนื้อที่ในการจัดสรร 82ไร่ แบ่งพื้นออกเป็น 3 โซน และได้ทำการพัฒนาไปแล้ว 2 โซน คือ โซนที่ 1และ2 โซนที่3 ยังไม่ได้พัฒนาทำอะไรยังปล่อยเป็นที่ดินเปล่ารกร้างไว้อยู่ โดยการจะไปซื้อที่ดินนั้นจะสามารถให้ซื้อได้แค่ คนละ 2งาน เพราะในโฉนดที่ดิน ได้ทำการเขียนแบ่งไว้เป็นล็อคๆ ล็อคละ2 งาน โดยโซนที่ 1 และ โซนที่3 ทำไว้เป็นพื้นที่บ้านจัดสรร ส่วนโซนที่2 ตรงกลางโครงการ ใช้ทำเป็นสำนักงาน และ รีสอร์ทท่องเที่ยว โดยผิดวัตถุประสงค์ที่บอกไว้แก่สมาชิกในสหกรณ์ อีกทั้งค่าก่อสร้าง สาธารณูปโภค รวมทั้งหมด ที่ลงทุนแค่ 36,144,500 ล้านบาท รวมทั้ง พื้นที่ดิน ค่าก่อสร้าง บ้านที่ปลูก อีก ประมาณ 50 หลังรวมทั้งหมดเบ็ดเสร้จไม่เกิน 200 ล้านบาทเท่านั้น
และที่สำคัญยังพบ พนักงานเสมียน อีก5 คน ที่ร่ำรวยผิดปกติ โดยทางทนายและกลุ่มสมาชิกสหกรณ์รถไฟ จำกัด กำลังจะเดินทางไป ที่สำนักงาน ปปง.เพื่อช่วยให้ลงไปตรวจสอบพนักงานทั้ง5 คนนี้ ในไม่ช้า
ส่วนความคืบหน้าหลังจากที่ได้ไปแจ้งความที่กองปราบปราม ถ.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ที่ผ่านมา ได้ความว่า ทาง จนท.จากกองปราบเพิ่งสอบสวนนายประเทือง กล้าณรงค์เสร็จไปเมื่อวานนี้ โดยอยู่ในช่วงกระบวนการรวบรวมพยานและหลักฐานอยู่ ถ้าแล้วเสร้จจะรีบดำเนินคดีจับกุมทัน