- 08 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคม เมื่ออธิบดีกรมศุลกากร อย่างนาย กุลิศ สมบัติศรี ได้ออกมาแถลงข้อปฏิบัติเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ว่าจะต้องมีการแจ้งและสำแดงของมีค่าทุกครั้ง
ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น 7 สาระสำคัญดังนี้
1) ในกรณีเดินทางออกนอกประเทศ หากจะนำของมีค่าออกไป เช่น นาฬิกา กล้องถ่ายวิดีโอ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา ให้แจ้งต่อพนักงานศุลกากร ณ ห้องที่ทำการศุลกากรบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก โดยต้องนำภาพถ่ายของสิ่งของที่นำมาแจ้งจำนวน 2 ชุด เจ้าหน้าที่จะมอบใบรับแจ้งของมีค่าที่ผู้โดยสารนำติดตัวออกไป
2) เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย ให้แสดงใบรับแจ้งของมีค่าต่อพนักงานศุลกากรช่องแดงในวันเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อขอรับการยกเว้นอากรในฐานะของใช้ส่วนตัว โดยต้องเป็นของเก่าใช้แล้ว และมีจำนวนพอสมควรแก่การเดินทาง
3) หากเป็นของมีค่าหรือของส่วนตัวที่นำติดตัวไปขณะเดินทางออกนอกประเทศ ที่ใช้เป็นปกติวิสัยในระหว่างการเดินทาง หรือเครื่องประดับการแต่งกายตามปกติ ไม่ต้องแจ้งต่อพนักงานศุลกากร
4) สำหรับผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ของส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตน ที่จะสามารถได้รับการยกเว้นอากร คือของส่วนตัวที่นำเข้ามาพร้อมกับตน สำหรับใช้เองหรือใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควร ต้องมีราคารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท
5) หากซื้อของเหล่านี้โดยไม่เกินปริมาณที่กำหนด ให้ได้รับการยกเว้นอากรด้วย ได้แก่ บุหรี่ 200 มวน หรือ ซิการ์ หรือ ยาเส้น อย่างละ 250 กรัม หรือหลายชนิดรวมกันมีน้ำหนักทั้งหมด 250 กรัม แต่บุหรี่ต้องไม่เกิน 200 มวน สุรา 1 ลิตร
6) หากสิ่งของที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน ในวันเดินทางมาจากต่างประเทศ มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 200,000 บาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่า 200,000 บาท และนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรที่ดูแลโดยตรง ต้องจัดเก็บอากรปากระวาง ประกอบด้วย อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย และค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี)
7) ส่วนสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรขาออกในเมือง หรือร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบิน จะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น หากนำกลับเข้ามาให้ผ่านการตรวจที่ช่องแดง (Goods to Declare) และชำระอากร
ขอบคุณข้อมูลจาก THE STANDARD
ขอบคุณคลิปจาก จับตาสถานการณ์