คมยิ่งกว่ามีดโกน!! "พระมหาไพรวัลย์" จัดให้สอนข้อคิด.. "บังโต" ดูแคลนศาสนาพุทธ เหตุผลการบูชา รูปปั้น-เจดีย์ ก่อนเหน็บแรง..อยากไว้เคราแบบพี่โต

"พระมหาไพรวัลย์" จัดให้สอนข้อคิด.. "บังโต" ดูแคลนศาสนาพุทธ เหตุผลการบูชา รูปปั้น-เจดีย์ ก่อนเหน็บแรง..อยากไว้เคราแบบพี่โต

จากกรณี เรื่องราวที่ถูกแชร์และถกเถียงกันอยู่ในโลกโซเชียลตอนนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก "YouLike คลิปเด็ด 4" ได้แชร์ข้อความและคลิปวีดีโอ รายกการ โต ตาล ซึ่งเป็นรายการของอดีตนักร้องชื่อดัง โต ซิลลี่ฟูล โดยเป็นกานตอบคำถามว่า คำถาม ? ทำไมอิสลามไม่มีรูปปั้นของพระเจ้า เหมือนรูปปั้นของชาวพุทธ ใว้ยึดเหนี่ยว

คมยิ่งกว่ามีดโกน!! \"พระมหาไพรวัลย์\" จัดให้สอนข้อคิด.. \"บังโต\" ดูแคลนศาสนาพุทธ เหตุผลการบูชา รูปปั้น-เจดีย์ ก่อนเหน็บแรง..อยากไว้เคราแบบพี่โต

โดยในคลิปนั้น โต ซิลลี่ฟูล ได้พูดไว้ว่า การเป็นพระเจ้า 1 มีข้อแม้ว่า พระเจ้าต้องไม่เหมือนสิ่งใดที่พระองค์สร้าง เพราะพระองค์ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการของมนุษย์ ผมจะไม่กราบสิ่งใดที่ต่ำกว่าผม รูปปั้นมันไม่มีชีวิต ผมจะไหว้ทำไมสิ่งมีชีวิตที่มันอัปลักษณ์กว่าผม ปั้นให้ตายก็หล่อสู้ผมไม่ได้ แล้วผมจะไหว้ทำไม ศาลพระภูมิบ้านมันเล็กกว่าบ้านผมและผมจะไหว้ทำไม ไอโฟนก็ไม่มีใช้ มันคนละรุ่นกันมันต่ำกว่าผม แค่พลักมันก็ล้มแล้ว ทำไมเราต้องไปกลัวหินกับปูน เรารู้อยู่แล้วว่าผู้สร้างมีแล้วทำไมต้องเอาจิตใจไปยึดเหนี่ยวกับสิ่งพวกนี้ 

พระพุทธเจ้าไม่เคยมีคำสั่งว่าให้ปั้นรูปปั้นเป็นตัวแทนของท่าน รูปที่ปั้นเหมือนท่านยังสวยสู้ท่านไม่ได้ ปั้นไม่เหมือนแน่นอน พระพุทธเจ้า มีเชื้อสายอินเดีย ต้องหล่อเหมือนผม และเคราต้องยาวกว่าผม อันนั้นไม่ใช่รูปพระพุทธเจ้าด้วยซ้ำ ผู้รู้สมัยก่อนมีเคราหมด

คมยิ่งกว่ามีดโกน!! \"พระมหาไพรวัลย์\" จัดให้สอนข้อคิด.. \"บังโต\" ดูแคลนศาสนาพุทธ เหตุผลการบูชา รูปปั้น-เจดีย์ ก่อนเหน็บแรง..อยากไว้เคราแบบพี่โต

จากเรื่องราวกรณีดราม่าดังกล่าวนั้น ทำให้มีคนในสังคมมากมายต่างโจมตี โต ซิลลี่ฟูล เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเฟซบุ๊ก พระมหาไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรื่องดังกล่าวโดยระบุว่า คนพุทธก็มีวิธีคิดและเหตุผลในแบบของคนพุทธที่จะบูชาสักการะพระพุทธรูปหรือเจดีย์สถานที่เกี่ยวเนื่องด้วยศาสดาที่ตนเคารพศรัทธา เช่นเดียวกับคนมุสลิมเอง ก็มีวิธีคิดและเหตุผลในแบบของคนมุสลิมที่จะบูชาหรือเคารพหินดำที่เมกกะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับศาสดาของตนเช่นกัน เรื่องแค่นี้เข้าใจได้ไม่ยากเลย คือ ถ้ามองเห็นหัวใจของคนอื่นอย่างที่มองเห็นในตัวเอง เรื่องที่จะอธิบายอะไรด้วยการเหยียดหยามดูแคลน มันก็จะไม่เกิดขึ้น

นอกจากนี้มีการระบุเพิ่มเติมอีกว่า หัวใจของคนพุทธที่ก้มลงกราบพระพุทธรูปกับหัวใจของคนมุสลิมที่ก้มลงจูบก้อนหิน คือหัวใจดวงเดียวกัน หัวใจที่เปี่ยมด้วยความเคารพศรัทธาที่มีต่อองค์ศาสดาของตน

ขอบคุณข้อความจาก พรวัลย์ วรรณบุตร