- 21 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เส้นเลือดขอด เป็นโรคที่เกิดจากการมีเลือดดำคั่งอยู่ในเส้นเลือดดำจึงส่งผลให้เส้นเลือดดำขยายตัว โป่งพอง และขดไปมา ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดกับเส้นเลือดดำได้ทั่วร่างกาย
เส้นเลือดขอดเป็นปัญหาที่พบมากในผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่บริเวณเท้าและขา เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของวาล์วกั้นเลือดที่เกิดจาก โรคอ้วน ยืนเป็นเวลานานๆ การสูบบุหรี่ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนไม่ปกติ ผู้ที่มีเป็นเส้นเลือดขอดมักจะมีอาการอักเสบขอเส้นเลือดเป็นสีน้ำเงินออกดำแสดงให้เห็นบริเวณขา เส้นเลือดขอดเป็นโรคไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานหรือมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมาก อาจจะต้องรักษาโดยการตัดแขนตัดขา และนี่คือ 9 วิธีรักษาเส้นเลือดขอดด้วยวิธีธรรมชาติ
1. ผักชี
ผักชีอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการผลิตคอลลาเจนและช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีรูตินซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเส้นเลือดฝอย เป็นประโยชน์อย่างมากในการลดอาการของเส้นเลือดขอด หั่นผักชีสด 1 กำมือ ต้มในน้ำ 1 ถ้วย เป็นเวลา 5 นาที ตั้งทิ้งไว้ให้หายร้อน แล้วนำเข้าตุ้เย็น ใช้สำลีประคบส่วนที่มีมีอาการเป็นประจำทุกวัน
2. กระเทียม
กระเทียมมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการอักเสบของเส้นเลือดขอดและช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ยังช่วยทำลายสารพิษที่เป็นอันตรายในหลอดเลือดอีกด้วย ผู้ป่วยควรบริโภคกระเทียมเป็นประจำวันทุกวัน ภายในไม่กี่เดือนอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
3. พริก
การทานอาหารรสเผ็ดที่มีส่วนผสมของพริก จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและทำให้ลดการอักเสบของหลอดเลือดดำ
4. น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์อย่างมากมาย การนวดด้วยน้ำมันมะกอกสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ ผสมน้ำมันมะกอกและวิตามินอีในปริมาณที่เท่ากัน แล้วอุ่นเล็กน้อย นวดบริเวณที่มีอาการเป็นเวลาหลายนาที เดือนละ 1-2 ครั้ง นอกจากนี้คุณยังสามารถผสมน้ำมันหอมระเหยเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย
5. ดอกดาวเรือง
ดอกดาวเรืองนอกจากจะมีสีสันสวยงามแล้ว ยังอุดมฟลาโวนอยด์(flavonoid)และวิตามินซี ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซ่อมแซมเซลล์ และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดช่วยบรรเทาอาการของเส้นเลือดขอด ต้มดอกดาวเรือง 1 ถ้วย ในน้ำ 4 ถ้วย เป็นเวลา 5 นาที แช่ผ้าฝ้ายและนำไปบริเวณที่มีอาการ ทิ้งไว้จนเย็นสนิท ทำซ้ำหลายๆครั้งต่อวัน จนกว่าคุณจะสังเกตเห็นว่าอาการดีขึ้น
6. เกาลัด
เมล็ดเกาลัดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและป้องกันอาการบวมได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันได้มีการสกัดสารจากเมล็ดเกาลัดที่เรียกว่า Aescin นำมาใช้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงยืดหยุ่นของหลอดเลือดดำ และป้องกันความเสียหายของเอนไซม์ที่ผนังหลอดเลือดฝอย จากการศึกษาพบว่า สารสกัดจากเกาลัดชนิดนี้มีประสิทธิภาพมากสำหรับอาการของเส้นเลือดขอดในระยะสั้น จึงเหมาะกับท่านที่ต้องการลดอาการของเส้นเลือดขอดอย่างเร่งด่วน เพียงแค่ทานเมล็ดเกาลัดคั่วหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเกาลัด หรือจะใช้เจลเกาลัดที่มีขายอยู่ในตลาดนวดเป็นประจำ สามารถช่วยลดอาการปวดขาและบวมได้ แต่ไม่ควรใช้เกาลัดดิบเนื่องจากมีสารพิษอยู่เป็นจำนวนมาก
หมายเหตุ: ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นม ไม่ควรใช้วิธีการรักษานี้
7. ใบและเมล็ดองุ่น
ใบและเมล็ดองุ่นนิยมนำมาสกัดน้ำมันเพื่อใช้ในการบรรเทาอาการอักเสบและปวดกล้ามเนื้อ สารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังสามารถนำมาบริโภคได้ แต่รสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไรนัก คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำมานวดมากกว่า Proanthocyanids ที่มีอยู่ในน้ำมันสกัดสามารถเสริมสร้างผนังหลอดเลือดฝอย ต่อต้านการย่อยสลาย และยังช่วยลดการอักเสบส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปยังแขนขา
8. กระเจี๊ยบแดงและพุทราจีน
นำกระเจี๊ยบมาล้างให้สะอาดแล้วสะเด็ดน้ำไว้ พุทราจีน นำมาล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำมาทุบให้แตกพอประมาณ ต้มรวมกันกับน้ำประมาณ 2 ลิตร พอเดือดแล้วต้มอีกสักพัก ก็ใช้ได้ เทกรองเอาแต่น้ำเติมน้ำตาล หรือใช้หญ้าหวาน ,ลำไยแห้ง ก็ได้ กรอกใส่ขวดแช่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่มได้หลายวัน
9. ใบบัวบก
นำใบบัวบกสดล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นผสมกับน้ำสะอาด ปั่นให้เนื้อเข้ากันและกรองด้วยผ้าขาวบาง เทกากทิ้งเอาเฉพาะน้ำเท่านั้น นำน้ำใบบัวบกที่ได้เติมน้ำเชื่อม ชิมรสตาใจชอบ หรือจะเติมน้ำแข็งเพื่อเพิ่มความสดชื่น
การป้องกันเส้นเลือดขอด
1. หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน ๆ ให้เปลี่ยนเท้าที่ยืนบ่อย ๆ (หากต้องนั่งนานให้ลุกขึ้นเดินทุก ๆ 30 นาที หรือยกเท้าให้สูงทุกครั้งที่มีโอกาส) ส่วนการนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานานก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน
2. ออกกำลังกายและเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ระบบไหลเวียนเลือดดี และลดการเกิดเส้นเลือดขอดได้
3. ควบคุมน้ำหนักเพื่อไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
4. ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น โดยเฉพาะกางที่ฟิตและรัดบริเวณขาหนีบและเอว
5. ไม่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน
6. หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดและสวมเครื่องป้องกันแสงแดด โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่อาจทำให้เกิดเส้นเลือดฝอยได้
7. ลดการรับประทานอาหารเค็มเพื่อป้องกันอาการบวม และรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
การรักษาเส้นเลือดขอด
การรักษาเส้นเลือดขอดมีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาอาการ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เพื่อความสวยงาม (ทำให้ดูดีขึ้น) และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเส้นเลือดขอดมากขึ้น ซึ่งการจะรักษาด้วยวิธีใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของเส้นเลือดขอด ดุลยพินิจของแพทย์ และความต้องการของผู้ป่วย
ในรายที่เป็นมาก หรือรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์อาจเลือกให้การบำบัดรักษาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อยข้างได้รับความนิยมเพราะให้ผลลัพธ์ที่ดี สามารถหายขาดจากอาการเส้นเลือดขอดได้แน่นอน เช่น
1. การฉีดยาเข้าไปในหลอดเลือดดำที่ขอด ทำให้เกิดการแข็งตัว และตีบตัน ตัดการไหลเวียนของเลือด เรียกวิธีบำบัดนี้ว่า "sclerotherapy" มักจะได้ผลภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่บางครั้งอาจจำเป็นต้องฉีดซ้ำ
2. การบำบัดด้วยเลเซอร์ (laser surgery) ทำให้หลอดเลือดขอดถูกทำลาย ค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
3. การบำบัดตามความร้อนผ่านสายสอด (Catheter assisted procedure) โดยการแยกสายสอดเข้าไปในหลอดเลือดขอด แล้วใช้ความร้อนที่ปลายสายสอด ทำให้หลอดเลือดขอดถูกทำลาย
4. การผ่าตัดดึงหลอดเลือดขอดออกไป (vein stripping) หลอดเลือดที่ถูกดึงทิ้งมักจะเป็นส่วนผิว ไม่กระทบต่อการไหลเวียนเลือดที่ขาด เนื่องเพราะการไหลเวียนส่วนใหญ่ อาศัยหลอดเลือดดำส่วนลึก
ขอบคุณข้อมูลจาก : kapook , medthai , varicoseveinthai