#รู้ขนาดนี้ต้องลองซักครั้ง!! เผยวิธีรักษา "ผิวแห้งแตก" ด้วยวิธีธรรมชาติ บอกเลยโคตรเจ๋ง ได้ผลดีอย่างน่าทึ่ง!!

เชื่อเลยว่าหลายๆ คนคงเจอกบปัญหาผิวหน้าแห้งแตก ทาครีมยังไงก็ไม่หาย วันนี้มีวิธีรักษาให้หายไปง่าย ๆ ด้วยวิธีรักษาแบบธรรมชาติ ทำเองได้ที่บ้านคุณเอง

 

 

ขัดด้วยน้ำมันมะกอกและน้ำตาล

นำน้ำตาลประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมันมะกอกเพียงไม่กี่หยด ขัดถูที่มือของคุณและล้างให้สะอาด ตามด้วยทาโลชั่นบำรุงผิว ทำเช่นนี้สัปดาห์ละหนึ่งครั้งและคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 4 สัปดาห์

 

น้ำผึ้ง น้ำมะนาว และเบคกิ้งโซดา

หลังจากล้างมือของคุณด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ แล้วให้นำน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และเบคกิ้งโซดามาผสมให้เข้ากัน จากนั้นขัดถูบนมือของคุณ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีและล้างออกให้สะอาด หากคุณต้องการลดริ้วรอยและจุดด่างดำ ให้ทำเช่นนี้วันละสองครั้ง

 

ปิโตรเลียมเจลลี่ น้ำตาล สบู่และโลชั่นบำรุงผิว

เพื่อเยียวยามือที่แห้งและเหยี่วย่น ให้ใช่ปิโตรเลียมเจลลี่ 2 ช้อนโต๊ะแล้วเพิ่มน้ำตาลหนึ่งช้อนผสมกันและขัดถูบนฝ่ามือของคุณ ขัดไปเรื่อยๆ จนเซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกมาและล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นและสบู่เหลว จากนั้นใช้โลชั่นทาที่มือของคุณ วิธีนี้แนะนำโดยคุณยาย

 

เนย

ก่อนเข้านอน ให้ใช้เนยทาลงบนมือของคุณและใส่ถุงมือผ้าฝ้ายทับอีกชั้น ปล่อยทิ้งไว้ตลอดคืน วิธีนี้จะช่วยคืนความชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มให้กับมือของคุณ

 

น้ำมันมะกอกและน้ำมันโรสแมรี่

น้ำมันโรสแมรี่ช่วยป้องกันการติดเชื้อและเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อ และสามารถแก้ไขปัญหาผิวแห้งแตกให้กับคุณได้ เพียงนำน้ำมันมะกอกและน้ำมันโรสแมรี่เพียงไม่กี่หยดมาผสมกันและนวดให้ทั่วมือของคุณ โดยเฉพาะระหว่างนิ้วมือและเล็บของคุณ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

น้ำตาลและอะโวคาโด

นำอะโวคาโดมาบดและผสมกับน้ำตาลหนึ่งช้อน นวดบนมือของคุณ อะโวคาโดจะช่วยบำรุงและน้ำตาลจะช่วยผลัดผิวให้กับมือของคุณ เมื่อนวดเสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำและหลีกเลี่ยงการใช้สบู่

 

แช่มือในข้าวโอ๊ต

แช่มือของคุณลงในอ่างที่เต็มไปด้วยข้าวโอ๊ตดิบและน้ำมันมะกอกอุ่นๆ เป็นเวลา 15 นาที

 

สวมถุงมือก่อนนอน

ตามที่เราได้กล่าวไว้ คุณสามารถล็อคความชื้นและทำให้มือของคุณเรียบเนียนได้โดยการทำตามวิธีนี้ คุณอาจใช้น้ำมันมะพร้าว หรือโจโจบา หรือวิตามินอี มานวดบางๆ บริเวณมือของคุณจากนั้นให้ใส่ถุงมือทับไว้อีกชั้นก่อนนอน

 

.

.

.

.

.

ขอบคุณที่มา : allabouthealthylife