- 22 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
"โทงเทง" อีกหนึ่งสมุนไพรพื้นบ้านดีๆ ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ หรือคนต่างจังหวัดอาจจะเคยเห็นกันมาบ้าง เพราะเราสามารถพบเห็นกันได้ตามข้างทาง ข้างถนน หรือริมรั้ว แต่คนเมืองอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก จึงมาแนะนำให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกัน
โทงเทง คืออะไร?
โทงเทง หรือ พุ้งพิ้ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Physalis minima Linn.) เป็นพืชในวงศ์ Solanaceae มีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องที่ เช่น เชียงใหม่ เรียก ต้อมต๊อก หรือ บาตอมต๊อก ปัตตานี เรียก ปุงปิง หนองคาย เรียก ปิงเป้ง เป็นไม้ล้มลุกฤดูเดียว สูง 30 - 40 เซนติเมตร ใบนุ่มและเรียบ ดอกสีเหลือง ผลสีเหลืองมีลักษณะคล้ายผลมะเขือเทศ มีกลีบเลี้ยงหุ้มรูปร่างเหมือนโคมไฟ ชอบดินทรายและที่แห้ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ลักษณะของโทงเทง
ต้นโทงเทง จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุราว 1 ปี ต้นมีความสูงได้ประมาณ 50 เซนติเมตร ทั้งต้นปกคลุมไปด้วยขน แตกกิ่งก้านบริเวณยอด ก้านมีขนาดเล็ก โทงเทงชนิดนี้มักพบขึ้นบริเวณริมน้ำ บางท้องถิ่นจึงเรียกว่า "โทงเทงน้ำ"
ใบโทงเทง
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นลอน ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-8 เซนติเมตร หน้าใบมีเส้นใบคล้ายขนนก ผิวใบมีขนขึ้นปกคลุมทั้งสองด้าน ก้านใบยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร
ดอกโทงเทง
ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกบริเวณซอกใบ ดอกเป็นรูปปากแตร แตกออกเป็น 5 แฉกที่ปลายกลีบดอก ปลายดอกคล้ายรูปห้าเหลี่ยม ก้านดอกยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ดอกเป็นสีเหลืองอมเขียว ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร มีเกสรเพศผู้ 5 อัน และเกสรเพศเมียอีก 1 อัน
ประโยชน์ของโทงเทง
1. แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
2. บรรเทาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ ฝีในคอ โดยละลายลำต้นในเหล้า หรือน้ำส้มสายชู ชุบด้วยสำลีแล้วอมไว้ในกระพุ้งแก้ม ค่อยๆ กลืนน้ำลงคอทีละน้อย
3. บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ ไอ หอบ โดยดื่มน้ำต้มโทงเทง กับเปลือกส้มจีนแห้งเข้าด้วยกัน
4. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน
5. แก้อาการปวดศีรษะ
6. ช่วยขับพยาธิในลำไส้
7. เป็นยาระบายอ่อนๆ
8. เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
9. บรรเทาอาการแผลฟกช้ำ บวม อักเสบ โดยการตำลำต้นมาพอกบริเวณแผล
10. บรรเทาอาการโรคหอบหืด ใช้ทั้งต้นแห้ง 1/2 กิโลกรัม ต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลกรวดลงไปให้หวาน รับประทานครั้งละ 1/4 ถ้วยแก้ว วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเป็นเวลา 10 วัน หยุดยา 3 วัน รับประทานต่อไปอีก 10 วัน พักอีก 3 วัน แล้วรับประทานต่อไปอีก 10 วัน