- 05 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
“การจอดรถแวะพักข้างทางแล้วเปิดแอร์นอนในรถยนต์” เป็นวิธีพักสายตา คลายความอ่อนล้า ที่มีโอกาสเสี่ยงทำให้เราเสียชีวิตได้โดยที่เราไม่รู้ตัว
สาเหตุ ในขณะที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ปิดกระจกมิดชิด และเอนเบาะนอนนั้น เท่ากับเป็นการนอนดมก๊าซพิษในรถ โดยที่ต้นตอของก๊าซพิษไหลเวียนมาจากระบบแอร์ของรถยนต์ ที่มีการดูดอากาศจากภายนอกรถ มาหมุนเวียนภายในรถ และจะดูดเอาควันจากท่อไอเสียรถยนต์เข้ามาด้วย
ระดับของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ในอากาศ ถ้ามีค่าเกิน 1,200 ppm มีผลทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ การได้รับสารพิษคาร์บอนมอนนอกไซด์ จะส่งผลให้ร่างกายมีอาการเวียนศีรษะ การลำเลียงออกซิเจนไปสู่อวัยวะในร่างกายลดลง และที่ร้ายแรงที่สุด คือ ผู้ใช้รถยนต์มักจะไม่รู้ตัวว่า ตนเองได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เพราะคิดว่า ตัวเองแค่ปวดหัวธรรมดา นอนพักน่าจะหาย จนในที่สุดก็จะหลับหมดสติ และทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้นแล้ว ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ควรพักผ่อน เตรียมพร้อมร่างกายก่อนขับรถยนต์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันอาการเพลีย เมื่อยล้า ระหว่างขับรถยนต์
หากใครที่มีความจำเป็นต้องนอนในรถจริง ๆ ก็ควรคำนึงถึงหลักความปลอดภัย ดังนี้
1. เปิดกระจกรถยนต์ หรือปรับโหมดเครื่องปรับอากาศรับอากาศภายนอกเข้ามา เพราะปกติแล้วก๊าซจากท่อไอเสียมีอุณหภูมิสูงจึงทำให้ลอยตัวได้สูง ถ้าจอดรถในที่โล่ง ๆ โอกาสที่จะลอยย้อนกลับเข้ามาในรถน้อยมาก แต่ถ้าจอดอยู่ในพื้นที่ปิด เช่น ลานจอดรถ ก๊าซลอยออกไปไหนไม่ได้จึงอบอวลอยู่ในนั้นและวิ่งกลับเข้ามาที่ห้องโดยสาร
2. ควรหาที่จอดในที่โล่ง และแง้มกระจกเล็กน้อย พอให้มือลอดเข้ามาไม่ได้ เพื่อทำให้เกิดการระบายอากาศภายในรถ
3. ปรับโหมดเครื่องปรับอากาศบ้าง เพื่อกระตุ้นให้ไฟฟ้าทำงาน เพราะถ้าไม่เคยปรับเปลี่ยนเลยแกนจะตาย ทำให้เวลาที่จำเป็นต้องใช้ไม่สามารถทำได้
4. หากร่างกายของเราเจ็บป่วย อ่อนเพลีย และเมามาก ควรหลีกเลี่ยงการนอนหลับในรถจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
5. กรณีที่รถจอดติดนาน ๆ ก๊าซก็อาจจะไหลเข้ามาในรถได้ทำให้เรารู้สึกง่วงนอน ดังนั้น หากใครที่ขับรถแล้วรถติดเป็นระยะเวลานานจนรู้สึกง่วงก็ควรเปิดกระจกระบายอากาศบ้าง
ทั้งนี้จึงสรุปได้ว่า การเปิดแอร์นอนในรถแล้วปิดกระจกนั้น เท่ากับว่าเรากำลังนอนให้ร่างกายสูดรับเอาก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มาสะสมไว้ในร่างกายโดยไม่รู้ตัว
ขอบคุณ: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล