ไม่รู้อีกกี่ร้อยปีจะเกิดขึ้น!!! ชาวเน็ตเล่าความประทับใจ ภารกิจช่วย 13 หมูป่า ทำไมเรื่องนี้..ถึงมีเสน่ห์ตรึงใจคนทั้งโลก อ่านแล้วมันตรงทุกข้อ

จากกรณีที่เด็กๆ เเละโค้ชทีมฟุตบอล หมูป่าอะคาเดมี่ จำนวน 13 ราย หายตัวเข้าไปในถ้ำหลวงนางนอน อ.เเม่สาย จ. เชียงราย ตั้งเเต่กลางดึกวันที่ 23 มิ.ย.2561 มีการระดมกำลังค้นหาเด็ก ๆกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค. พบเด็กๆ ทั้ง13 คนปลอดภัยในถ้ำหลวง จากนั้นได้มีการช่วยนำเด็กๆ ออกมาจากถ้ำอาศัยความช่วยเหลือจากมืออาชีพต่างประเทศ โดยจบภารกิจช่วยเหลือในวันที่ 3 คือ 10 ก.ค. เด็กๆ หมูป่าออกมาครบ 13 รายอย่างปลอดภัยต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำทั้งหมดไปส่งยังโรงพยาบาลเชียงรายฯนั้น

 

  
ขณะที่เมื่อวานนี้ (11ก.ค. 61) ได้มีแถลงข่าวปิดศูนย์ อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ที่ชั้น 2 อาคารที่ว่าการอำเภอโป่งผา เวลา 18.00 น. โดยนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และคณะร่วมแถลงปิดศูนย์ฯ พร้อมกับมีการเผยคลิปบรรยากาศภายในโรงพยาบาลเชียงรายฯ ของเด็กๆหมูป่า 13 ชีวิต ให้ประชาชนได้ดูกันด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปแล้ว บุคคล 1 ในหมูป่า ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดนั่นคือ โค้ชเอก บุคคลที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุด เสียสละดูแล อีก12 ชีวิตในถ้ำ  โดยคลิปที่เผยผ่านทางกรมประชาสัมพันธ์- สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า บอกว่าโค้ชเอก แข็งแรงดี ไม่ต้องเป็นห่วงนั้น 
 

 

 

 

 

และถึงแม้ว่าภารกิจที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้จะจบลงอย่างสวยงาม ท่ามกลางความดีใจของคนไทยทั้งประเทศ และนานาชาติที่ร่วมติดตามข่าวนี้นั้น ยังมีอีกหลากหลายความประทับใจ ที่เล่าได้อย่างไม่รู้จบ ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ชื่อว่า Thipdhida Satdhathip ได้บอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมเรื่องราวของ 13 ชีวิตทีมหมูป่า ทั่วโลกถึงให้ความสนใจอย่างมาก เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่า อีกกี่ร้อยปี ถึงจะเจอแบบนี้ 

โดยระบุข้อความว่า "ความน่าสนใจอีกอย่างในกรณีหมูป่า คือ เนื่องจากจุดนั้นคือชายแดนไทย เด็กบางคนและโค้ช จึงเป็นคนจากชาติพันธุ์อื่นที่อพยพพลัดพรากมา ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ พึ่งพาการบวชเรียนของพุทธ และบ้างก็อยู่ในการอุปถัมภ์ของโบสถ์คริสต์ แต่เขาก็ได้รับการยอมรับจากสังคมรอบตัว สามารถเป็นนักกีฬา เป็นโค้ช เป็นที่ไว้วางใจ เอ็นดู เมตตา คำว่าชาติ และศาสนา ที่หลากหลายในพื้นที่ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการร่วมกิจกรรมใดๆของโรงเรียนและชุมชน 

เมื่อเกิดวิกฤติติดถ้ำ เหล่ากู้ภัยไม่ว่าจากลาว พม่า คือเข้ามาร่วมค้นหา ช่วยเหลือทันที และที่สุดของกระบวนการเอาเด็กออกมาจากถ้ำ ก็เป็นการบูรณาการจากคนอีกหลายเชื้อชาติ จากหลายประเทศ หลายทวีป มีของให้ของ มีคนคนมา มีเทคโนโลยี่ เทคโนฯมา ไทยก็เป็นเจ้าภาพเจ้าของพื้นที่ ดูแลจัดการบริหารไป ..คือมันเป็นมหกรรมแบบหลากเชื้อชาติศาสนาจริงๆ โดยทุกคนคือนักทำ เป็นตัวจริง และทำงานเพื่อผลสำเร็จของงานแท้ๆ ไม่มีการเกี่ยงงอน ชิงดีชิงเด่น แต่ลุยไปด้วยการบริหารจัดการและประสานงานอย่างมืออาชีพ เพราะเป็นสถานการณ์ที่แข่งกับเวลาและสภาวะของธรรมชาติที่เป็นเงื่อนไขซึ่งไม่ประนีประนอมกับใครหน้าไหน แต่ทุกคนทำจนสำเร็จ

จึงช่วยไม่ได้ ที่เรื่องนี้จะมีเสน่ห์ ดึงดูด ประทับใจ ถูกใจคนทั้งโลก เป็นเรื่อง feel good เป็นความหวัง เป็นฝันของมนุษยชาติที่เป็นจริง เป็นเรื่องที่บอกว่าคนดีฮีโร่ผู้เสียสละมีจริง คนที่ทำเพื่อส่วนรวมมีจริง คนไม่เห็นแก่ตัวมีจริง มนุษย์ทุกคนรักสันติ รักการร่วมมือร่วมใจ เกลียดการรบราฆ่าฟัน ไม่แบ่งชาติพันธุ์ศาสนา และสุดท้าย..มันแฮ็ปปี้เอนดิ้ง มนุษย์รักเรื่องแบบนี้ ที่กี่ร้อยปีจะมีเกิดขึ้น ท่ามกลางโลกอันแล้งร้ายและถูกขับเคลื่อนด้วยทุนนิยม ที่ทำให้คนแล้งน้ำใจและวัตถุนิยมเห็นแก่ตัวจนเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้จึงไม่ธรรมดา จึงพิเศษและวิเศษ เป็นเรื่องชื่นใจ เพราะมันคือความฝันดีในท่ามกลางฝันร้าย ท่ามกลางเรื่องของสงครามชิงทรัพยากร สงครามล้างเผ่าพันธุ์ การทำลายล้าง ความโลภ ภัยพิบัติที่มีแต่ความตายและสูญเสียรอบๆ จึงเป็นธรรมดา ที่ใครบังอาจมองเรื่องนี้แล้วพูดถึงด้วยทัศนคติเชิงลบ แสดงความใจดำ ความไร้น้ำใจ ความมืดบอด คับแคบ จึงถูกชิงชังรังเกียจจากสังคมทันที จบ"

 

 

 

 

เมื่อโพสต์ดังกล่าวจบลง ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ว่าบทความนี้เขียนได้ดี ตรงใจ และโดนใจมาก มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ไม่คิดว่าจะได้เห็นน้ำใจของเพื่อนมนุษย์มากมายขนาดนี้ และเชื่อว่าภารกิจช่วย 13 หมูป่ากลับบ้าน จะเป็นเรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยและคนทั่วโลกไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Thipdhida Satdhathip , เอกพล จันทะวงษ์