- 22 ก.ย. 2561
เก็บไว้ไม่ได้แล้ว เปิดประวัติโหด ไอ้หื่นบุกขืนใจนร. เคยอัดเมียจนดับแล้วเอาศพยัดท่อ หลังขังเมียไว้ในบ้านเพราะหึงหวง
จากรณีโจรหื่นบุกโรงเรียนหวังลากเด็กหญิงชั้นป.6ไปข่มขืน ทว่าสุดท้ายเด็กรอดมาได้และเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมากระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมาพร้อมพาตัวไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี โดยการอำนวยการของ พันตำรวจเอก สีหเดช สระกอบแก้ว ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ติดตามหาตัวคนร้ายที่บุกเข้าไปก่อเหตุดังกล่าว
ภายหลังจับกุมตัวได้สอบจนทราบชื่อคือ นายสุรพล พินทอง อายุ 39 ปี โดยนายสุรพล ยอมรับได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาให้ทราบฐานความผิดว่า “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย” จากนั้นนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวนายสุรพลขออำนาจศาลผลัดฟ้องฝากขัง
ด้านพันตำรวจเอก สีหเดช สระกอบแก้ว เผยว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายสุรพล พินทอง พบข้อมูลว่า เคยก่อเหตุฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อประมาณปี พ.ศ.2556 ศาลตัดสินจำคุก 7 ปี โดยนายสุรพล ต่อสู้ว่า ป่วยมีอาการทางจิต และเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาเมื่อปี 2560
ต่อมาได้มีการสัมภาษณ์นางอัญชลี เมฆะสุวรรณโรจน์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายไปพบนักเรียนหญิงชั้น ป.6 ที่ชั้น 2 และพยายามผลักนักเรียนหญิงคนดังกล่าวเข้าไปในห้องเรียนของชั้น ป.3 ซึ่งในช่วงที่คนร้ายพยายามจะก้มไปถลกกระโปรงของนักเรียนหญิง ได้มีนักเรียนชายชั้น ป.3 เข้ามาพบประกอบกับนักเรียนหญิงคนดังกล่าว ได้ฝึกศิลปะมวยไทยที่โรงเรียนได้จัดไว้ให้ จึงได้กำเส้นผมของคนร้ายและชกไปที่หน้า แล้วจึงได้ตะโกนให้มีคนช่วย ทำให้คนร้ายตกใจวิ่งหนีไป
จากนั้นทางโรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองมาพบและแนะนำให้แจ้งความ ก่อนจะแจ้งข่าวไปยังโรงเรียนเครือข่ายให้ทราบถึงพฤติกรรมของคนร้าย โดยพบว่าไม่กี่วันต่อมา คนร้ายได้พยามซุ่มก่อเหตุซ้ำในโรงเรียนใกล้เคียงอีก ตอนนี้จึงได้เตรียมติดกล้องวงจรปิดทั้งโรงเรียนไว้แล้ว และหลังจากเกิดเหตุได้มีข่าวลือไปต่าง ๆ นานา ว่ามีการชำเราเด็ก ซึ่งในความจริงไม่มีและคนร้ายแทบไม่ได้โดนตัวเด็กเลย
และบรรยากาศการทำแผนในครั้งนี้เริ่มจากจุดที่คนร้ายมาจอดรถจักรยายนต์ทิ้งไว้ ต่อด้วยจุดที่พบเด็กหญิงและลากไปหวังข่มขืน เด็กนักเรียนนั้นถูกจัดให้ไปทำกิจกรรมร่วมกันที่หอประชุมเพื่อป้องกันความแตกตื่นและยังมีผู้ปกครองบางส่วนเดินทางมาปักหลักอยู่ที่หน้าโรงเรียนเพื่อติดตามการทำแผนครั้งนี้ โดยคนร้ายทำแผนโดยมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลความสงบประมาณ 10 นาทีจึงแล้วเสร็จ
.
.
เมื่อสืบข่าวย้อนหลัง ได้เคยมีข่าวของไอ้หื่นคนดังกล่าวดังนี้ พบหญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่าถูกพบเป็นศพยัดอยู่ในท่อระบายน้ำ ภายในหมู่บ้านร้าง "แลนด์ 1" หมู่ 5 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
หลังจากรับแจ้งพบผู้เสียชีวิต พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ สกุลวิวัฒน์ ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.สานิต ชินจอหอ รองผกก.สส. และชุดสืบสวนตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นป่ารกชัฏในโครงการบ้านจัดสรรร้าง พบศพ "ฐิติพร หรือ ปลา น่วมไม้พุ่ม" อายุ 28 ปี ถูกฆาตกรรมยัดอยู่ภายในท่อระบายน้ำ นอนหงาย ร่างเปลือย มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธไม้เข้าที่ลำคอ 1 แผล หน้าท้อง 3 แผล และบริเวณลำคอถูกรัดด้วยสายเสื้อชั้นในสีดำ ห่างออกไปจากปากท่อประมาณ 5 เมตร พบเสื่อและหมอนสีฟ้าอยู่บนพื้น รอยเลือดแห้งเป็นวงกว้างอยู่บนพื้นไม่ไกลจากปากท่อระบายน้ำ
ห่างจากจุดพบศพประมาณ 100 เมตร ชุดสืบสวนพบเสื้อชั้นในสตรีสีดำ มีร่องรอยขาดวิ่นจากการกระชากลากถูตกอยู่กับพื้นหญ้า และเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีเขียวโยนทิ้งอยู่ในดงไม้ ส่วนกางเกงขาสั้นสีดำ กางเกงชั้นในสตรีสีชมพูถูกเหวี่ยงค้างอยู่บนกิ่งไม้ และรองเท้าแตะแบบวัยรุ่นสีชมพูตกอยู่ นอกจากนี้ยังพบท่อนไม้กระถินเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 ท่อน คาดว่าจะเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
"ในที่เกิดเหตุมีร่องรอยการต่อสู้ เชื่อว่าหญิงสาวคนนี้น่าจะขัดขืน ไม่ยอม คนร้ายจึงกระชากลากถูกระทั่งถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต อีกทั้งยังพบรองเท้าและถุงมือลายสีฟ้าตกอยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่าอาจจะเป็นของคนร้าย" พล.ต.ต.โสภณ กล่าว
พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ บก.สส.บช.ภ.7 และชุดสืบสวนของสภ.นครชัยศรี ร่วมกันสอบสวนพยานแวดล้อม รวมถึง นายสุรพล พิณทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ 4 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสามีของเหยื่อ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุขัง "ฐิติพร" อยู่ภายในบ้าน เพราะไม่อยากให้ออกไปเที่ยวเตร่กลางคืน ช่วงที่เขาต้องขับรถยนต์ของโรงงานผลิตเต้าฮู้หลอด เพื่อไปส่งของที่ตลาดคลองเตย กรุงเทพฯ แต่พอช่วงเช้ากลับบ้านมาก็ไม่พบภรรยา ซึ่งเธอได้งัดเหล็กดักและปีนหน้าต่างหนีออกไป แม้จะออกตามหาอยู่ครึ่งวันก็ไม่พบตัว
เมื่อชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบร่องรอยคราบน้ำมันเครื่อง รวมถึงร่องรอยล้อรถจักรยานยนต์ในสภาพใหม่ เมื่อเดินทางไปยังบ้านของเหยื่อพบร่องรอยงัดเหล็กดัดและหน้าต่าง แต่ไม่พบหลักฐานใด แต่เห็นรถจักรยานยนต์ของนายสุรพลจอดอยู่ และมีคราบน้ำมันหยด ร่องรอยคราบน้ำมันและรอยยางรถจักรยานยนต์ในที่เกิดเหตุ จึงกลายเป็นเบาะแสสำคัญนำไปสู่การจับกุมคนร้ายในคดีนี้
ชุดสืบสวนพยายามสอบสวนนายสุรพลอีกครั้ง ก็เริ่มแสดงอาการพิรุธ ไม่ยอมสบสายตากับชุดสืบสวน จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เขาอาจเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางภรรยาของตัวเอง จนกระทั่งนายสุรพลยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าภรรยา เพราะความหึงหวง
นายสุรพลให้การต่อตำรวจว่า หึงหวงภรรยาที่ชอบหนีเที่ยวกลางคืน ก่อนไปส่งของที่กรุงเทพฯ จึงขังภรรยาไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปนอกบ้าน ช่วงเช้ากลับมาบ้านจึงรู้ว่าภรรยางัดเหล็กดัดปีนออกไปทางหน้าต่าง จึงออกตามหาด้วยความโมโห โทรศัพท์มือถือไปหาก็ไม่รับสาย จนกระทั่งใกล้เที่ยงเจอตัวอยู่แถวตลาดท่านา ใกล้ สภ.นครชัยศรี จึงเรียกขึ้นรถจักรยานยนต์ ระหว่างทางก็ทะเลาะกันตลอดเวลา ก่อนจะพาเข้าไปในหมู่บ้านร้าง
"ผมโมโหจึงตบหน้าและชกหน้าภรรยา ใช้แขนล็อกคอจนแน่นิ่ง เมื่อเขย่าตัวเรียกก็ฟื้นขึ้นมา จึงสอบถามว่าเมื่อคืนไปไหนมา เธอก็ไม่ตอบ ด้วยความโมโหจับภรรยาฉีกเสื้อผ้า หวังว่ามีเพศสัมพันธ์แล้วคืนดีด้วย แต่กลับถูกดุด่า จึงโมโหใช้มือขวาล็อกคอจนแน่นิ่ง มือซ้ายคว้าท่อนไม้กระถินแทงที่ท้องและลำคอ และใช้ยกทรงรัดคอจนเสียชีวิต" นายสุรพล รับสารภาพ
ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก อัมรินทร์ทีวี