- 29 ก.ย. 2561
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.61 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2561 โดยมีพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะรองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ตลอดจนคณะกรรมการ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่างๆ นักวิชาการ และภาคประชาชน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตึกแดง) ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.61 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2561 โดยมีพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะรองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ตลอดจนคณะกรรมการ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่างๆ นักวิชาการ และภาคประชาชน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตึกแดง) ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวว่า ภาพรวมจากรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญ ปี 60 โดยสรุป พบว่า สถานภาพแนวปะการังฝั่งอันดามัน มีความเสียหายมากกว่าฝั่งอ่าวไทย มีขยะมูลฝอยใน 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล เกิดขึ้น 11.47 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติกถึง 3.4 แสนตัน โดยร้อยละ 10 - 15 มีโอกาสปนเปื้อนลงสู่ทะเล ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งยาว 704 กิโลเมตร มีการก่อสร้างรุกแนวชายฝั่งทะเล 70 กิโลเมตร แนวโน้มทรัพยากรทางทะเลเปลี่ยนแปลงไปจากการกระทำของมนุษย์มากกว่าธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณเกาะแก่งสำคัญๆของแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ มีกิจกรรมการใช้ประโยชน์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการัง สัตว์น้ำและระบบนิเวศทางทะเลมากขึ้น
ทั้งนี้ มติในที่ประชุม เห็นชอบ การออกประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่เกาะไข่ใน เกาะไข่นอกและเกาะไข่นุ้ย อ.เกาะยาว จังหวัดพังงา และพื้นที่ เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต รวมทั้ง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการัง จากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมรณรงค์ขับเคลื่อนลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างเป็นผลต่อเนื่องมา เป็นผลให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ เปลี่ยนไปในเชิงอนุรักษ์และการหวงแหนท้องถิ่นร่วมกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยขอให้รณรงค์และให้ความรู้กับประชาชนในภาพรวม 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล และกรุงเทพฯ อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป พร้อมทั้ง ย้ำ ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นหน้าที่สำคัญเร่งด่วน ที่จะต้องนำผลประชุมทางนโยบายร่วมกันขับเคลื่อนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งระบบในภาพรวม
โดยให้เร่งรัดจัดทำแผนแม่บท การป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปี 62 - 69 ให้มีความสมบูรณ์ครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญ จากข้อมูลรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ผ่านมา ควบคู่กับการคาดการณ์สถานการณ์อนาคต และ ขอให้พิจารณาเร่งออกประกาศมาตรการคุ้มครองความเสียหายของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากการประกอบการท่องเที่ยวและกิจกรรมดำน้ำที่มีกว่า 5 ล้านรายต่อปี โดยให้ครอบคลุมทุกหมู่เกาะที่ได้รับผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบโดยเร็ว ทั้งนี้ ขอให้มีการจัดทำกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครอบคลุมทั่วถึง ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนในทุกระดับ เพื่อให้เราทุกคน สามารถมีและใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายจตุพรยังกล่าวต่อไปอีกว่า ในโอกาสเดียวกันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศยิ่ง “รักษ์ทะเลยิ่งชีพ” แก่คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ทำคุณประโยชน์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมจำนวนทั้งสิ้น 19 ราย เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติอีกด้วย
ซึ่งสาระสำคัญๆในที่ประชุมได้เห็นชอบ การออกประกาศของ ทส. เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่ เกาะไข่ใน เกาะไข่นอกและเกาะไข่นุ้ย อ.เกาะยาว จ.พังงา และพื้นที่ เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวมทั้ง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรประการัง จากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ซึ่งมอบให้ กรม ทช. ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมรณรงค์ขับเคลื่อนลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างเป็นผลต่อเนื่องมา เป็นผลให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ เปลี่ยนไปในเชิงอนุรักษ์และการหวงแหนท้องถิ่นร่วมกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น
โดยขอให้รณรงค์และให้ความรู้กับประชาชนในภาพรวมและ 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล และกทม. อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป และ ในโอกาสเดียวกันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศยิ่ง “รักษ์ทะเลยิ่งชีพ” แก่คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ทำคุณประโยชน์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติอีกด้วย