- 03 พ.ย. 2561
20 ปีผมไม่เคยลืม "เจมส์ เรืองศักดิ์" โพสต์ระลึกถึง "น้องอาร์ม" เด็กที่รอดชีวิตจากเครื่องบินตกลำเดียวกัน ทุกถ้อยคำเรียกน้ำตา
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมาบนเฟซบุ๊กของ เจมส์ เรืองศักดิ์ ได้โพสต์ระลึกถึงเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมจากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่จ.สุราษฎร์ธานีเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เปิดปากเล่าความผูกพันธ์และปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แม้ผ่านมานานแค่ไหนก็ไม่เคยลืม
20ปีที่แล้ว หลังเหตุการณ์เครื่องบินตก มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อ “น้องอาร์ม” เด็กน้อยชาวสุราษฏร์ ที่โชคดีเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตในเที่ยวบินนั้นกับผม...
ครอบครัวของน้องเล่าว่า น้องอาร์มเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย...วันเกิดเหตุเครื่องตกเป็นวันที่ครอบครัวตั้งใจจะพาน้องกลับไปบ้านเกิดเพื่อให้น้องได้จากไปอย่างสงบที่บ้านเกิดของตัวเอง...แต่โชคชะตาก็พลิกผัน...เมื่อน้องอาร์มกลับรอดอย่างปาติหาริย์ในครั้งนั้น..
ผมจำได้ว่าหลังเป็นข่าวได้สักพัก...สื่อก็ได้พูดถึงเด็กคนหนึ่งที่เขาอยากเจอพี่เจมส์เรืองศักดิ์มาก...ผมได้เจอน้องครั้งแรกที่ รพ เด็กในตอนนั้น...น้องยังเหมือนเด็กปกติ ยังเล่น ยังพูดคุยหัวเราะกับผมได้..น้องชอบเพลงชับ ชับ ชับ วันนั้นเรายังร้องเพลงนี้กันลั่น รพ. ... ผมนำตุ๊กตาหมีใส่เสื้อสีฟ้า...ตัวโปรดของผมไปมอบให้น้องเพื่อเป็นกำลังใจให้น้องอาร์มที่ รพ ด้วย...
แต่หลังจากนั้นไม่นาน..ผมทราบข่าวว่ารัฐบาลเยอรมันรับน้องไปรักษาที่โน่นเป็นกรณีพิเศษ...ที่สถาบันมะเร็งที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน เพราะข่าวน้องเป็นมะเร็งและรอดจากเครื่องบินตกโด่งดังไปทั่วโลก
และเเล้ววันนึง ผมก็ได้รับการติดต่อจากทางรัฐบาลเยอรมัน.ประสานผ่านรัฐบาลไทยว่า น้องอาร์มกำลังตกอยู่ในอาการโคม่าขั้นสุดท้าย...และน้องก็พูดแต่อยากพบ พี่เจมส์ เรืองศักดิ์ จนคุณหมอที่นั่นสงสัยว่าผมคือใคร...
...หมอมีความหวังว่าอาจเกิดปาติหาริย์หากผมได้มาพบน้อง...เหมือนที่เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งที่สถาบันมะเร็งแห่งนี้...เมื่อครั้งที่เด็กน้อยชาวเยอรมันป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย..และเขาอยากพบ นักมายากลเดวิด คอปเปอร์ฟิล...และเดวิดก็ไปพบ ทำให้เด็กคนนั้นอาการกลับมาดีขึ้น...
เมื่อทราบเรื่องผมจึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเล...ที่จะบินหลาย ช.มไปพบน้องที่เยอรมัน (ทั้งๆที่ผมเองก็ยังอยู่ในช่วงหวาดผวา กับการขึ้นเครื่องบินอย่างหนัก เพราะเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาไม่นานนัก) ในภาพที่เห็นคือวินาทีที่ผมได้พบน้องที่นั่น...น้องขยับตัวไม่ได้แล้ว ชีพจรเกือบหยุดเเล้ว..ร่างกายแทบไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น..ตอบสนองแทบไม่ได้..แต่ปาติหาริย์ก็เกิดขึ้นช่วงสั้นๆ...เมื่อผมร้องเพลงชับชับชับ และลุกขึ้นเต้น ให้น้องดู... ชีพจรน้องกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง... เหมือนน้องดีใจที่ผมมาจริงๆ วันนั้นเป็นการร้องเพลง ชับชับชับ ครั้งแรก...ที่ผมเต้นและร้องอย่างสนุกสนานเพื่อหวังให้มีปาติหาริย์กับน้อง... ท่ามกลาง น้ำตาของทุกคนในห้องพยาบาลวันนั้นรวมทั้งตัวผม ...
จากนั้นไม่นานน้องก็สิ้นลมหายใจจากพวกเราไปอย่างสงบ....
ถ้าวันนี้อาร์มยังอยู่ เขาคงมีอายุราวๆ 20ปลายๆ ผ่านมา 20ปีแล้วแต่ผมยังไม่เคยลืมภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเลย
#จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้ง
โดยเหตุการณ์นี้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ได้เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินไทยเที่ยวบินที่ 261 (TG261) นำผู้โดยสารบินจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 310-300 ทะเบียน HS-TIA ได้เกิดเหตุขัดข้องทำให้เครื่องบินตก ซึ่งจากข้อมูลที่มีการบันทึกไว้ระบุว่า เที่ยวบิน 261 มีผู้โดยสาร 146 คน ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เวลา 11:40 ตามเวลามาตรฐาน ตรงสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
เมื่อเครื่องบินเริ่มลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี สภาพอากาศมีฝนตกหนักและทัศนวิสัยไม่ดี เนื่องจากพายุดีเปรสชัน "จิล"
นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดถึง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ในครั้งที่ 3 เครื่องยนต์เกิดชะงัก ทำให้เครื่องบินตกกระแทกพื้น เครื่องเสียหลัก หางเครื่องฟาดหอบังคับการบินบางส่วน เครื่องเสียการทรงตัวพุ่งตกลงไปในป่ายาง ห่างออกไป 2 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของท่าอากาศยาน มีผู้เสียชีวิต 101 คน และได้รับบาดเจ็บ 45 คน
สาเหตุของการตกครั้งนี้ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดสู่สาธารณะมากนัก มีเพียงความพยายามระบุว่าสาเหตุการตกน่าจะมาจากการหลงสภาพการบินในการลงจอดเวลากลางคืนในสภาพอากาศที่มีลมแรง ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคมเป็นอย่างมาก
ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตที่มีชื่อเสียง คือ ดร.ธวัช วิชัยดิษฐ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภริยา, น.พ. โกวิท วรพงษ์สิทธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ฉวาง และ แพทย์ชนบทดีเด่น ประจำปี 2541, นางศิริรัตน์ ศรีเทพ น้องสาวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และมีผู้รอดชีวิต คือ เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ อีกคนก็คือน้องอาร์ม เด็กชายชาวสุราษฏร์ธานี
ที่มา
JamesRuangsak.co.th
วิกิพีเดีย