ทนายเกิดผล พูดแล้ว หลังเทศบาลเรียกเก็บค่ากระเช้าแม่ลูกอ่อน!

เกิดเป็นกระเเสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนึง ได้โพสต์ภาพเเละข้อความที่ตนเเละชาวบ้านไม่เข้าใจ ถึงที่มาที่ไปของหน่วยงานในพื้นที่เรื่องการขอคืนเงินค่ากระเช้า! โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก นาง ก. นามสมมติ ได้เปิดเผยข้อความว่า"แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ!! 11ปีแล้วจะทักท้วงเรียกเงินคืน เราไม่ได้เรียกร้องขอคุณ คุณนำมาให้เองนะคะ" รายละเอียดเรื่องราวดังกล่าวคือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับญาติของเธอ ที่เมื่อหากย้อนเวลากลบไปเมื่อหลายปีก่อน เทศบาลเเห่งหนึ่งใน จ. บึงกาฬ ได้จัดทำโครงการเยี่ยมมารดาหลังคลอด โดยมอบกระเช้าของขวัญกับคุณเเม่มือใหม่ สร้างความยินดีให้กับคุณเเม่ในพื้นที่เป็นอย่างมาก จนเวลาผ่านไปหลายปี ทางเทศบาลก็ส่งเอกสารราชการ

 

 

มีเนื้อหาว่า "ตามที่เทศบาลตำบลได้จัดซื้อกระเช้าเยี่ยมคลอดตามโครงการเยี่ยมมารดาพร้อมเด็กหลังคลอด กระเช้าละ 1,800 บาท เพื่อแจกของขวัญสำหรับเด็กแรกเกิดในเขตเทศบาล จากการตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2552 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ภูมิภาคที่ 6 (จังหวัดอุดรธานี) มีข้อทักท้วงให้เรียกเงินคืนค่าจัดซื้อกระเช้าดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเบิกจ่ายเงินโดยไม่มีระเบียบหรือหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทยกำหนด จึงไม่อาจเบิกจ่ายเงินได้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อทักทวงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เทศบาลจึงขอให้ท่านนำส่งเงินค่าจัดซื้อกระเช้าเยี่ยมคลอด จำนวน 1,800 บาท คืนกองคลังเทศบาลโดยเร่งด่วน" 

 

 

โดยความคืบหน้าคือ ตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้มา ครอบครัวนาง ก. ก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเทศบาล ชาวบ้านคนอื่น ๆ ในพื้นที่ก็ไม่มีใครนำเงินไปให้เทศบาลเช่นกัน เพราะถือว่าเทศบาลได้มอบของดังกล่าวให้เป็นของขวัญแก่ชาวบ้านที่เพิ่งคลอดลูก ถ้าชาวบ้านรู้ว่าจะต้องโดนเรียกเก็บเงินภายหลังแบบนี้ คงไม่มีใครรับกระเช้าตั้งแต่แรกแน่นอน

 

 

 

 

ล่าสุด ทนายเกิดผล เเก้วเกิดได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ทรัพย์สินของแผ่นดิน ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แต่ใครควรจะต้องรับผิดชอบ...!!! การที่เทศบาลตำบลโซ่พิสัย เรียกเงินค่ากระเช้าของขวัญคลอดของทารก ตั้งแต่ ปี 51 -52 จำนวน 1,800 บาท คืนจากราษฎร เป็นความบกพร่องของใคร ??ในส่วนนี้ ผมว่าราษฎรที่รับกระเช้า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ รู้เห็นการปฎิบัติหน้าที่โดนมิชอบ หรือ โดยทุจริต ของผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินตรงนี้ ในทางอาญา ก็ไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุน หรือ มีเจตนาทุจริตร่วมด้วยแต่อย่างใดคนไม่รู้ ย่อมไม่ผิด ขาดเจตนาทุจริต ยิ่งไม่ต้องรับผิดใดๆ ส่วนตัว เห็นว่า เมื่อรับไว้โดยสุจริตแล้ว ไม่มีความผิดทางอาญา และ ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินมาคืน ให้เทศบาลตำบล เว้นแต่ อยากคืนให้เพราะ จิตสำนึกต่อแผ่นดินเท่านั้นคนทำผิด ก็สอบสวนกันต่อไป สาวถึงใคร ก็ดำเนินคดีถึงคนนั้นสตง.ก็ช้าเหลือเกิน ผ่านไปตั้งสิบปี พึ่งมีคำสั่ง ป่านนี้คนสั่งจ่าย ไม่สุขสบาย ก็ล้มหายตายจากกันไปบ้างแล้วล่ะ #ประเทศกูมี #เทศบาลตำบลมึงมี"