- 28 ธ.ค. 2561
"ผู้กองหนุ่ม" ลาออกจากตำรวจ สานฝันสอนหนังสือให้เด็กยากจนฟรี
จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวของ ร.ต.อ.อภิชิต ภัณฑะประทีป รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ที่ได้เช่าอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ถนนอินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยใช้เวลาว่างหลังจากออกเวรปฏิบัติราชการ เปิดสอนหนังสือให้แก่เด็กนักเรียนที่ยากจนฟรี ตั้งแต่ชั้น ม.1-ม.6 เมื่อปี 2560 ซึ่งเปิดสอนทุกวัน และในช่วงปิดเทอมจะจัดเป็นคอร์สติวแบบนอนประจำระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง โดยแยกห้องชาย-หญิง และไป-กลับได้ ตามที่ผู้ปกครองสะดวก
ซึ่งกิจกรรมก็จะมีการติวหนังสือปกติ มีกิจกรรมสันทนาการเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการติวหนังสือบ้าง และพาเด็กๆ ไปว่ายน้ำ อีกทั้งยังจัดกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ และออกกำลังกายทั่วไป โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้โลกออนไลน์ต่างแชร์เรื่องราวของผู้กองหนุ่มท่านนนี้ ต่างพูดชื่นชมไปในทิศทางเดียวกันในการเสียสละและทำดีเพื่อสังคม ที่ผ่านมาก็มีผู้มีจิตอาสาช่วยสนับสนุนเป็นอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์ว่ายน้ำ รวมถึงมีครูจากที่อื่นอาสาเข้ามาช่วยสอนในบางครั้ง สำหรับวัตถุประสงค์ คือ ต้องการสร้างโอกาสให้เด็กมีความรู้นำไปพัฒนาตนเอง และมีอนาคตที่ดี และเป็นกำลังหลักที่สำคัญในการประเทศต่อไปในอนาคต
ล่าสุด ร.ต.อ.อภิชิต ภัณฑะประทีป ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้มีเวลาให้แก่เด็กอย่างเต็มที่ เพราะได้ลาออกจากราชการแล้ว ขณะที่หลายคนต่างก็เสียดายที่ผู้กองลาออกจากราชการ และถามว่าทำไมผู้กองถึงตัดสินใจลาออก ร.ต.อ.อภิชิตกล่าวว่า "จริงๆ ผมไม่เสียดายเลย เพราะสิ่งที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยตำรวจ นายร้อยทหาร สอนมากกว่าความรู้ คือ การเสียสละ ซึ่งการเสียสละของข้าราชการทหาร ตำรวจ ผมคิดว่าเป็นสิ่งประชาชนต้องการมากที่สุด เพราะฉะนั้น ผมกำลังทำในสิ่งที่โรงเรียนได้สอนมา ผมก็เลยไม่รู้สึกว่าการตัดสินใจลาออกจะเป็นการทำในสิ่งที่ผิด เพราะเราต้องการทำเพื่อสังคมไม่ว่าเราจะยืนอยู่ตรงจุดไหนเราก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้ เพราะชีวิตเด็กทุกคนเค้ามีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นเด็กยากจน หรือเด็กที่ไม่ยากจน"
"ถึงแม้จะมีคำถามว่าการติวหนังสือเด็กเพียงไม่กี่คนจะสามารถแก้ไขปัญหาปัญหาสังคมได้อย่างไร ก็คือผมไม่ได้มองว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงสังคมแค่ภายในระยะเวลา 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี แต่เราวางแผนระยะยาว ต่อให้ต้องใช้เวลานานสักแค่ไหน 20 ปี 30 ปี หรือ 50 ปี เราก็ต้องทำ ทุกอย่างนั้นมีจุดเริ่มต้น เพราะไม่มีใครสามารถจะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี และที่ผมยึดถือก็คือพระบรมราโชวาทของในหลวง ร.๙ ว่าในสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป"
"การที่จะให้สังคมดีได้นั้นคือต้องสนับสนุนให้คนดีปกครองบ้านเมือง ดังนั้น ผมจึงพยายามสร้างเด็กที่ดีให้เขาไปทำตามความฝันของตัวเขาเอง หากตัวของเขามีอนาคตที่ดี เขาก็จะสามารถช่วยเหลือสังคมต่อ บางทีเราไม่ต้องสอนหรือบังคับให้เขาเป็นคนดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการสอนที่ดีคือการที่ผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก"
ขอบคุณ : เรื่องจริงวันนี้