- 04 ม.ค. 2562
ในหลวงร.10 ทรงห่วงพายุปาบึกทำประชาชนเดือดร้อน สิ่งสำคัญทุกคนต้องปลอดภัย!
จากสถานการณ์พายุปาบึก ซึ่งทางประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุ “ปาบึก” (PABUK)" ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 04 มกราคม 2562 เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ (4 ม.ค. 62) พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 150 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือที่ละติจูด 7.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 101.5 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเย็นนี้ (4 ม.ค. 62)
โดยทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ โดยมีผลกระทบดังนี้ ในวันที่ 4 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ในวันที่ 5 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรง และคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรงดการเดินเรือจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2562
ทั้งนี้มีรายงานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้กล่าวในการประชุมติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา เผยว่า "ขณะนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทรงพระราชทานความห่วงใยมายังทุกคน และสิ่งสำคัญสุดทุกคนต้องปลอดภัยเป็นอันดับแรก ชีวิตทรัพย์สินต้องดูแลให้มากที่สุด สำคัญศูนย์ประชาสัมพันธ์ระดับพื้นที่ ขอให้ทุกจังหวัดจัดเตรียมประสานสัมพันธ์ให้ดี ไม่ใช่พูดคนละทางสองทาง จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ขอเดชะพระบารมีแผ่ไพศาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ตลอดจนพระสยามเทวาธิราชและ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือปกป้องคุ้มครองให้คนในชาติของเราปลอดภัย"
และเมื่อคืนวันที่ 3 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ชุดช่วยเหลือสวมใส่เครื่องแบบจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่าต่อเนื่อง
โดยการอพยพขนย้ายผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย, ผู้ป่วยติดเตียงและเด็กๆ ในพื้นที่ 3 ตำบล ของ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี แม้จะมีฝนตกหนัก และไฟดับร่วม 1 ชม. ได้พาไปยังจุดอพยพที่ปลอดภัย ตามที่ได้กำหนดไว้ พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค ให้กับชาวบ้าน
ในวันเดียวกันทางพลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ได้ประเมินสถานการณ์แล้วได้สั่งการให้ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ออกเดินทางเป็นเรือบัญชาการลอยน้ำ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก
.
โดยจะออกเดินทาง วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562 ที่ท่าเรือจุกเสม็ด 12.00 น. ก่อนหน้านี้ ผบ.ทร. ได้สั่งจัดตั้ง “หมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล” พร้อมรับ “ปาบึก”โดยมี เรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงมกุฎราชกุมาร ฮ. 2 ลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ 28 นาย และชุดแพทย์สนาม ซ้อมพร้อมออกปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พลเรือตรี ชวิน เวียงวิเศษ เป็น ผู้บังคับหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล (ผบ.มรภ.ทร.)
.
จากนั้นกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้รายงานว่าทางทบ.สั่งให้ แบล็คฮอว์ค และ Mi 17 บิน ขนหน่วยรบพิเศษชุด rescue ไปช่วยพี่น้องชาวใต้รับมือพายุปาบึก
กองทัพบกจัดอากาศยาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึก ประเภท ฮท.17 (Mi17) จำนวน 1 เครื่อง และ ฮท.60 (Blackhawk) จำนวน 1 เครื่อง ออกจาก ศบบ.ลพบุรี 15.00 น.วันนี้ บิน ไปยังศูนย์การทหารราบ พร้อม ชุดปฏิบัติการช่วยชีวิตจากหน่วยรบพิเศษ 13 นาย ลงไปเตรียมพร้อมไว้ที่ศูนย์การทหารราบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หาก #พายุปาบึก รุนแรงพร้อมส่งเข้าเสริมการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ทันที
ยังได้จัดชุด RESCUE ชุดปฏิบัติการพิเศษทางการแพทย์ (SMOT) จากหน่วยรบพิเศษ พร้อมเข้าปฏิบัติการทุกสถานการณ์
ขอบคุณ
Wassana Nanuam
กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย