- 05 ม.ค. 2562
ในหลวงร.10โปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อใหม่ให้เรือฟริเกตสมรรถนะสูง จาก"เรือหลวงท่าจีน"เป็น"เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช"
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมาบนเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ได้มีการเปิดเผยข่าวน่ายินดี ทัพเรือสุดปลื้มปิติเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อใหม่ให้เรือหลวงท่าจีนเป็น "เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช"
โปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ที่ต่อจากเกาหลีใต้ใหม่ จะเข้าประจำการ 7 ส.ค. 2562 นี้ ว่า “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” จากเดิมที่จะใช้ชื่อว่า “เรือหลวงท่าจีน” ทั้งนี้ตามธรรมเนียมเดิมของทร. การตั้งชื่อเรือฟริเกต จะใช้ชื่อแม่น้ำ เช่น เรือหลวงเจ้าพระยา เรือฟริเกต ชั้นเจียงหู่ จากจีน
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.เป็นประธานในพิธีต้อนรับและขึ้นระวางเรือประจำการ ใน 7 ม.ค. 2562 นี้ที่ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบการพระราชทานชื่อ “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” ยังความปลาบปลื้มให้กำลังพลประจำเรือ และ กองทัพเรืออย่างยิ่ง
เรือฟริเกตสมรรถนะสูง เรือพิฆาต ลำนี้ ต่อจาก DSME.-DAEWOO Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD.) เกาหลีใต้ งบฯลำละ เกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นการพัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลีใต้ในการต่อเรือ มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย
สามารถทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 6 ขึ้นไป โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ และสามารถตรวจการครอบคลุมทุกมิติและทั้งกลางวันและกลางคืน เนื่องจาก มีการติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบตรวจการที่ทันสมัยและขีดความสามารถสูง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง สามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ ทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ และทางอากาศ โดยการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ สามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด
การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฎิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือมีระบบการป้องกันทางอากาศระยะไกล (ผิวน้ำ) หรือพื้นที่ชั้นนอกของกองเรือ (Battle Group) จะใช้การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศในการค้นหา ตรวจจับและโจมตี และการปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ โดยสามารถโจมตีเป้าหมายได้ที่ระยะไกล โดยปฏิบัติร่วมกับเรือและอากาศยานในการพิสูจน์ทราบเป้า ส่งมอบเป้าและให้ใช้อาวุธจากระยะพ้นขอบฟ้า รวมทั้งโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ
ส่วนการป้องกันตนเองนั้น จะโจมตีด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีปืนใหญ่เรือและปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ อีกทั้งสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้
ทั้งยังสามารถใช้ในการปฏิบัติการรบร่วม โดยผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ให้สามารถปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) ได้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร เรือคอร์เวต ชุด เเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับ เครื่องบินกองทัพอากาศ ตามบทบาทหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะทำหน้าที่ควบคุมการปราบเรือดำน้ำเป็นหลัก
นอกจากนี้ทัพเรือยังมีแผนต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง อีก1 ลำเอง โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ จาก แดวู.
ขอบคุณ Wassana Nanuam