- 08 ม.ค. 2562
3 ทรชนรุมโทรมเพื่อนร่วมชั้น แม่ร้องกองปราบเพราะคดีไม่คืบเพราะหนึ่งในนั้นเป็นญาตินักการเมืองท้องถิ่น (คลิป)
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมครอบครัวชาวประมงจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องขอความเป็นธรรม กรณีที่ นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ถูกกลุ่มเยาวชน 3 คนรวมกันรุมโทรมภายในห้องน้ำสาธารณะริมชายหาดชะอำ เมื่อคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งได้ไปแจ้งความแล้วที่ สภ.ปากน้ำปราน ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมาแต่คดีไม่คืบ
มารดาของผู้เสียหาย ระบุว่าจนถึงตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดียังไม่มีการสอบปากคำลูกสาวในฐานะผู้เสียหายแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังไม่มีการลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หรือเก็บพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าของลูกสาวที่ใส่ในวันเกิดเหตุก็ยังไม่มีการส่งตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอนของกฎหมาย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้ติดตามความคืบหน้าหลายครั้ง แต่กลับถูกพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีต่อว่าอย่างหยาบคาย แต่หลังจากทราบว่าตนจะเข้าร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบ พนักงานสอบสวนก็ได้ติดต่อมาหาตน ให้ตนพาลูกสาวเข้าให้ปากคำในวันนี้หรือพรุ่งนี้ รวมถึงขอให้ยุติการเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบด้วย
นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ครอบครัวผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำปราณ แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า ขณะที่เจ้าหน้าที่จะทราบรายชื่อผู้กระทำผิดครบถ้วนแล้ว แต่กลับไม่มีการเรียกตัวทั้งฝ่ายผู้กระทำผิด และผู้เสียหายเข้าสอบปากคำหรือแม้แต่นำผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองตามกฎหมายแต่อย่างใด
โดยวันนี้ได้นำหลักฐานภาพวงจรปิด ภาพถ่ายที่เกิดเหตุ และเสื้อผ้าที่เด็กหญิงผู้เสียหายสวมใส่ในวันเกิดเหตุ มาเป็นหลักฐานในการยื่นของความเป็นธรรม พร้อมขอให้กองปราบฯ นำเสื้อผ้าผู้เสียหายไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักท้องที่ทราบว่า ตนจะพาครอบครัวผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่กองปราบฯ ก็เพิ่งจะโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาให้เข้าไปทำการสอบปากคำกับโรงพักท้องที่ จึงจะขอให้ทำการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนด้วย
ด้าน มารดาของผู้เสียหาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้กระทำผิดได้พยายามที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย พร้อมเสนอเงินจำนวน 50,000 บาทเพื่อยุติการแจ้งความ แต่ตนได้ปฏิเสธเพราะไม่ต้องการเงิน โดยมีพนักงานสอบสวนคนกลางพร้อมเรียกผู้ก่อเหตุมาพูดคุยอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด จึงทำให้ร้อยเวรเกิดความไม่พอใจ ใช้ถ้อยคำไม่ดีด่าทอกล่าวหาว่าทำให้เสียหน้า ทำให้ตนเชื่อว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และตนก็ไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจในท้องที่
“ผู้กระทำผิดเป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวที่เรียนมาด้วยกัน โดยลูกสาวเล่าว่า ในวันเกิดเหตุพวกเขาพยายามที่จะมอมเหล้า แต่ตนไม่ยอม ยืนยันว่าลูกตนเองไม่เป็นคนดื่มสุรา และในวันเกิดเหตุก็มีเพื่อนผู้หญิงของลูกไปอีกด้วย” มารดาผู้เสียหายกล่าว
ด้าน ทนายรณรงค์ ระบุว่า วันนี้ได้นำพยานหลักฐานประกอบด้วย ภาพวงจรปิด เสื้อผ้าที่เด็กสวมใส่ในคืนวันเกิดเหตุ ภาพสถานที่ที่เกิดเหตุมาเป็นหลักฐานในการยื่นร้องขอความเป็นธรรม พร้อมทั้งร้องขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนด้วย ทั้งนี้ทนายรณณรงค์ ยังระบุอีกว่า 1 ใน 3 เยาวชนชายผู้ก่อเหตุ ได้มีการโพสต์ประจานผู้เสียหายในโซเชียล รวมถึงยังเป็นหลานนักการเมืองท้องถิ่นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อีกด้วย
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองปราบปราม รับเรื่องไว้ดำเนินการ เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน พร้อมรายงานเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป