- 19 ม.ค. 2562
เรื่องราวที่ต้องหลั่งน้ำตา พระมหาอภิชาติ เล่าถึงพ่อท่านหว่าง ถวายลมหายใจเพื่อศาสนา สิ่งสุดท้ายอยากสร้างโบสถ์ให้วัด
จากกรณีคนร้ายแต่งชุดดำคล้ายทหารพราน6 คน ขณะพระกำลังนั่งคุยกันอยู่ และกำลังจะแยกย้ายไปจำวัด กลุ่มคนร้ายเดินตรงเข้ามา แล้วก็กราดยิงด้วยอาวุธสงครามทั้งนี้ทำให้พระสงฆ์มรณะ 2 รูป บาดเจ็บ 2 รูป นำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก ทราบชื่อดังนี้ 1. พระครู ประโชติ รัตนานุรักษ์ (ท่านสว่าง) เจ้าอาวาส และเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี มรณะในที่เกิดเหตุ 2. พระสมุห์ อรรถพร ขุนอำไพ (ท่านอู๊ด) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส มรณะในที่เกิดเหตุ 3. พระธนโชติ ชุมเลิศ (หลวงพ่อแดง) ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลถูกยิงที่ไหล่ซ้าย ส่งต่อโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ล่าสุดปลอดภัยแล้ว 4. พระประเวศ สุขแก้ว (พระยาน) ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลเปิดบวมผิดรูปบริเวณต้นขาขวา และมีแผลเปิดที่ไหล่ขวา ส่งต่อโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ล่าสุดปลอดภัยแล้วเช่นกัน
ขณะที่วันนี้(19ม.ค.)เฟซบุ๊กของ พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ถูกคนร้ายบุกยิงด้วย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยรับรู้มาก่อนเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติของเจ้าอาวาสรูปนี้ จึงขอนำเนื้อหาทั้งหมดมาเผยแพร่ต่อ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำความดีของสังคม
กราบถวายความอาลัย
ด้วยความใจหาย และสะเทือนใจเป็นที่สุด
อาจารย์พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ (พ่อท่านหว่าง)
เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ, เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี
ประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสาจังหวัดนราธิวาส
ทราบข่าวการมรณภาพของท่าน กับพระลูกวัด เมื่อราว ๒๑.๐๐ น. ของวันที่ ๑๘ มกราคม ๖๒ ยอมรับว่าใจหาย สะเทือนใจ และเจ็บปวดเป็นที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เรื่องราว คำพูดของท่านก้องอยู่ในหูตลอดเวลา เปิดดูข่าวก็น้ำตาไหลนึกถึงท่าน
“ท่านมหาตอนเด็กๆบ้านผมอยู่แถวนี้แหละ แม่น้ำสายนี้แหละผมกระโดดเล่นทุกวัน (แม่น้ำที่กั้นระหว่างเขตแดนไทยมาเลเซีย ด่านสุไหงโก-ลก) แถวนี้เป็นแหล่งทำมาหากินของผม
ผมเกิดที่นี่ พ่อแม่ปู่ย่าตายายผมเป็นคนที่นี่นราธิวาส ผมเรียนที่นี่ รุ่นผมมีชาวพุทธสองคน ทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน ไม่ว่าจะศาสนาไหน ผมภูมิใจที่สุด ครั้งหนึ่งได้ไปเลี้ยงอาหารรุ่นน้องที่โรงเรียน ไปเยี่ยมครูสอน ไปเยี่ยมผู้อำนวยการ เป็นความสุขที่หาอะไรมาเปรียบไม่ได้ เพราะนี่ คือบ้านเกิดของผม บ้านที่ผมรัก
ชีวิตผมเกิดมาชาติหนึ่ง ได้สร้างวัดด้วยตนเองถวายเป็นพุทธบูชา ผมมาอยู่ที่นี่ (บ้านโคกโก) ตั้งแต่ยังไม่มีอะไร ผมเริ่มสร้างศาลาหลังแรกคือ ศาลาการเปรียญ (ศาลาโรงธรรม) ใช้ชื่อว่า ธรรมานุภาพ แล้วก็สร้างศาลาโรงฉัน ใช้ชื่อว่า สังฆานุภาพ สิ่งที่ผมจะสร้างเป็นสิ่งสุดท้าย คือ พระอุโบสถ เป็น “พุทธานุภาพ” รวมทั้งหมดเข้าด้วยจึงเป็น วัดรัตนานุภาพ
แต่ก็น่าเสียดาย ท่านกำหนดงานปิดทองฝังลูกนิมิตในเดือน พฤษภาคม ศกนี้ ตอนที่ท่านเดินทางมาดูลูกนิมิตรลูกเล็ก (๑,๒๕๐ ลูก) และพระประธานชั้นล่างของพระอุโบสถ (ที่พระครูสิริฯเป็นเจ้าภาพ) ที่จังหวัดนคราาชสีมา ก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ท่านบอกว่า “ท่านมหา ผมไม่ได้หยิ่งนะ จะร่วมบุญลูกนิมิตรต้องลงไปทำเองที่วัดรัตนานุภาพนะ แล้วท่านก็หัวเราะ”
ท่านเล่าให้ฟังว่า ในชีวิต ผมไม่อยากได้ยินคำว่า มีวัดร้างในพื้นที่ที่ผมอยู่ เคยมีช่วงหนึ่ง มีวัดหนึ่งชาวบ้านไม่มีที่พึ่ง อยากทำบุญ อยากทำฟังธรรม แต่ไม่มีพระ ผมคุยกับชาวบ้านโคกโกว่า วันพระ ช่วงเช้าจะไปที่โน้นให้ชาวบ้านได้ทำบุญ ต้องเดินเท้าไปแต่ช่วงเย็นของอีกวัน ไปถึงก็ดึก ตื่นเช้ามาชาวบ้านทำบุญเสร็จ ก็ต้องรีบเดินทางกลับมาให้ทันเพลที่วัดโคกโก เพราะชาวบ้านรออยู่
ท่านมหาลองนึกภาพดู มีวัดแต่ไม่มีพระอยู่ เจ็บปวดใจนะ คนเฒ่าคนแก่มาวัด เห็นจีวรตากหน้าศาลาก็ยังอุ่นใจ ถ้าไม่มีพระสงฆ์ทำหน้าที่ นั่นหมายถึงลมหายใจของพระพุทธศาสนาหมดไปแล้ว
ท่านพูดย้ำให้ฟังตลอดว่า พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่รักสูงสุดของผม ลมหายใจที่มีอยู่ขอถวายเป็นพุทธบูชา และขอทำความดีเพื่อพระพุทธศาสนาจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
ครั้งหนึ่งที่ท่านเดินทางขึ้นมาร่วมงานที่ดอยสูง อาศรมบ้านดอกแดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ท่านบอกว่า “อยู่ที่นี่ลำบาก (การเดินทางลำบาก) แต่ไม่เสี่ยง อยู่ที่ภาคใต้เสี่ยง แต่ไม่ลำบาก (ไม่ลำบากในการเดินทาง)”
ท่านพูดให้ฟังเสมอว่า ผมรู้ว่าทำหน้าที่ตรงนี้เสี่ยง สักวันต้องเป็นอย่างนี้ แต่มันคือบ้านผม บ้านที่ผมรัก
ต้องยอมรับว่า หัวใจของท่านเด็ดเดี่ยว หาสิ่งใดเปรียบได้ ขอสดุดีท่านด้วยหัวใจ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๖๑ คือวันที่ได้คุยกับท่านเป็นครั้งสุดท้าย ท่านบอกว่า ทุกรูปมีกำลังใจเข้มแข็งดี
#เราสูญเสียพระผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยว
#พระนักพัฒนา #ผู้นำจิตวิญญาณ
#พระผู้นั่งอยู่ในหัวใจของชาวโคกโก #ชาวสุไหงปาดี
ขอผลบุญส่งให้ให้พระอาจารย์ไปสู่สุคติในสัมปรายภพ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
#ขอประนามการก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท