ดร.สุกิจ ยกย่อง "ทนายตั้ม" คำพูดดั่งนักปราชญ์ ซัดอัจฉริยะเป็นได้แค่"ทะแนะ" (คลิป)

ดร.สุกิจ ยกย่อง "ทนายตั้ม" คำพูดดั่งนักปราชญ์ ซัดอัจฉริยะเป็นได้แค่"ทะแนะ" (คลิป)

เรียกได้ว่าเป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมากันไปตลอดกาลเลยก็ว่าได้ สำหรับทนายตั้ม และ นายอัจฉริยะ หลังจากซัดหมัดกันอย่างเมามันกันข้ามปี จนเมื่อช่วงต้นปี ทนายตั้มได้ออกมาโพสต์เฟสบุคส่วนตัว ว่าจะนำผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กองปราบ เพื่อดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะข้อหาทำพยานหลักฐานเท็จ กรณีนำข้อมูล 2 สามีภรรยาไปที่นายอัจฉริยะกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจโหลกแดงไปเปิดเผย

โดยเมื่อวันที่(06/01/2562) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแจ้งว่าวันที่ (7 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ผู้เสียหายจะเดินทางไปร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหาร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ และจะเปิดหลักฐานบางส่วนให้ทราบถึงพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้

 

โดยระบุว่า หลังจากที่คุณรักชนก เจริญมากสุวรรณ ไปแจ้งความดำเนินคดีนายอัจฉริยะฯ เรื่องคัดทะเบียนราษฎร์โดยมิชอบ ที่สภ.บางปะอิน ได้มีกลุ่มบุคคลสมคบคิด และร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ โดยการปลอมแปลงเอกสารราชการ เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง จนเมื่อวันที่  7 มกราคม 2562  ทนาย ษิรา เบี้ยบังเกิดและผู้เสียหายได้เดินทางมาร้องทุกข์ที่กองปราบเพื่อดำเนินคดีกับนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  พร้อมกับพวกที่ร่วมขบวนการทุกคนในข้อหาร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จปลอมแปลงเอกสารราชการ

 

ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้เดินทางมาที่กองปราบปราม  เพื่อมาตรวจสอบกรณีที่ถูก ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง แจ้งความข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ แล้วร่วมกันสร้างพยานหลักฐานเท็จ จากกรณีให้ตำรวจ สภ.บางปะอิน คัดลอกสำเนาทะเบียนราษฎร์ของภรรยา นายเศรษฐ์ เดชสุภา ลูกเพจ Red Skull นั้นก็เป็นเรื่องราวบาดหมางในช่วงต้นปีของทั้งคู่ จนนำมาซึ่ง วิวาทะดุเดือดบนโซเชียล อย่างกรณีล่าสุด

ความเป็นพี่เป็นน้องในวงการกฏหมายจะยังคงอยู่หรือว่าจะแตกหักกัน เมื่อกรณีที่ทางนายอัจฉริยะเคยมีประเด็นปัญหาถึงขั้นฟ้องร้องทนายตั้ม ในเรื่องของการให้สินบนกับอัยการ โดยทางนายอัจฉริยะจะยื่นถอดถอนชื่อทนายตั้มออกจากสภาทนายความ แต่ว่าล่าสุดนั้น ทางมติออกมาแล้วว่าทางทนายตั้มไม่มีความผิด  ซึ่งทนายตั้มจึงจะฟ้องนายอัจฉริยะกลับเรื่องดังกล่าว โดยทางทนายตั้มได้ตั้งคำถามกับประชาชนว่า "ผมควรจะฟ้องพี่อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หรือปล่อยให้พี่เค้ามีพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปครับ?"

ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผมรับเป็นทนายความให้คุณวาสนาฯ ในคดีแพ่งและคดีอาญาจำนวน 3 คดีคือ คดีฉ้อโกงที่ค้างอยู่ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ,คดีรับของโจรผู้เกี่ยวข้องรายอื่นซึ่งยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน และติดตามเอาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายคืน โดยคุณวาสนาฯต้องการให้เพิ่มกรรมกับจำเลย เมื่อผมตรวจสอบข้อกฎหมายต่างๆแล้ว เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงไม่สามารถยื่นหลักฐาน หรือขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ประกอบกับเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่ได้ใช้วิธีโอนเงินทางธนาคาร จึงยากที่จะติดตามยึดทรัพย์มาได้ ผมจึงแจ้งแก่คุณวาสนาฯ"

 

ต้นเดือนสิงหาคม2561 คุณวาสนาฯ มาขอยกเลิกสัญญา ผมได้คืนเงินทั้งหมดให้แก่คุณวาสนาฯ ในอีกไม่กี่วันถัดมา หลังจากนั้นคุณวาสนาฯ ได้ไปพบพี่อัจฉริยะฯ พี่อัจฉริยะฯจึงถามคุณวาสนาฯ ถึงเรื่องราวทั้งหมด คุณวาสนาฯก็ได้บอกว่าไปหาทนายตั้มแต่ทำงานไม่สำเร็จ โดยมีการคืนเงินกันแล้ว ซึ่งมีคลิปเสียงยืนยันกับพี่อัจฉริยะฯว่าได้มีการว่าจ้างกันจริง เมื่อพี่อัจฉริยะฯได้ฟังคลิปเสียงโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จึงอาสาทำให้ฟรีโดยใจลึกๆอาจจะอยากทำลายผม โดยมีเงื่อนไขให้คุณวาสนาฯทำตามที่พี่อัจฉริยะฯบอก ด้วยความไม่รู้กฎหมายและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณวาสนาฯ จึงต้องทำตาม เพราะหวังว่าจะได้เงินที่ถูกโกงกลับคืนมา แต่ต่อมาภายหลังคุณวาสนาฯและครอบครัว ได้รู้ความจริงว่า พี่อัจฉริยะฯไม่ได้มุ่งช่วยเหลือเรื่องคดี แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวต้องการเอาเรื่องนี้มาโจมตีผม คุณวาสนาฯไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของพี่อัจฉริยะฯ จึงได้ไปให้ข้อเท็จจริงกับตำรวจกองปราบปราม และตำรวจสภ.กระทุ่มแบน ว่าสิ่งที่พี่อัจฉริยะฯพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง ต้องยอมรับว่าคุณวาสนาฯ กับครอบครัวเป็นคนที่รักความถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับผม ผมขอขอบคุณคุณวาสนาฯและครอบครัวมากครับ ตอนนี้สภาทนายความมีมติเป็นเอกฉันท์ #ยกคำร้องไม่รับคำกล่าวหา ในเรื่องให้สินบนพนักงานอัยการ ทั้งของพี่อัจฉริยะฯ และของคุณวาสนาฯที่กล่าวหาผม พี่อัจฉริยะฯต้องหยุดพฤติกรรมแบบนี้ เสียทีครับ ไม่ว่ากับผมหรือใครก็ตาม

 

แต่ทว่า...เรื่องราวคงไม่จบ เมื่อทางด้านนายอัจฉริยะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบกลับถึงทนายตั้ม ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ"ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม" ถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ฟาดฟันกันผ่านบนโซเชียลไปมา แล้วแบบนี้เรื่องจะจบลงอย่างไร?

โดยในวันเดียวกันที่ทางทนายตั้มได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ทางด้านนายอัจฉริยะก็ได้ออกโพสต์ข้อความตอบกลับสั้นๆระบุว่า "สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งโม้ เล่นลิเก 44 กรรม รีบๆ ฟ้องเลยถ้าเก่งจริง ชมรมฯ ชอบความจริงและวิ่งล้มคดีไม่เป็น เอาเป็นว่าไม่พูดมาก เจ็บคอ ไว้ไปเจอกันที่ศาลเลย"  ในขณะเดียวกันทางทนายตั้มเองก็ออกมาโพสต์ภาพที่ทั้งคู่เคยไปร่วมทำบุญด้วยกัน พร้อมด้วยข้อความที่ว่า "ขอให้คุณพระคุ้มครองพี่นะครับ สิ่งที่พี่ทำกับผม ผมขออโหสิกรรมให้ หลังจากนี้อยู่ที่กรรมของพี่แล้วคนที่พี่ทำกรรมอะไรกับเค้าไว้ ทำให้เค้าเดือดร้อน เค้าจะให้อภัย เค้าจะอโหสิกรรมให้พี่หรือเปล่า พี่ชี้ถูก ชี้ผิด ตัดสินคนอื่นโดยพลการตามใจพี่ ผมอภัยให้พี่ แล้วคนอื่นจะอภัยให้พี่ด้วยไหม ยังมีอีกหลายคดีที่รอพี่อยู่ แล้วแต่เวรแต่กรรมของพี่นะครับ ขออนุโมทนาสาธุ #ผู้ที่รักความถูกต้องทุกท่านคิดว่าพี่เค้าควรได้รับการให้อภัยไหมครับ?"

แต่จะว่าไปแล้วนายอัจริยะเองต่างก็มีเรื่องฟ้องร้องกับหลายฝ่าย แค่เรื่องของทางทนายตั้มยังไม่จบ ก็ยังจะมีประเด็นเรื่องราวชุดใหญ่ไฟกระพริบเพิ่มวะแล้ว เมื่อคุณกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรนักข่าวรายการหนึ่ง ต้องโร่เตรียมขึ้นศาลหลังจากที่อยู่ดีๆถูกนายอัจฉริยะ ฟ้องร้องเรื่องที่ทางคุณกรรชัย ได้มีการโฟนอินนายอัจฉริยะ เข้ามายังรายการ พร้อมกับ โฟนอิน ทนายตั้ม พร้อมทั้งยังฟ้องคุณหมวย ผู้ร่วมเป็นผู้ประกาศข่าวอีกด้วย

ซึ่งคุณหนุ่ม กรรชัย ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กว่า "เนื่องจากเป็นพิธีกรที่คอยรายงานข่าว หนุ่ม กรรชัย จึงขอระบายผ่านโซเชียล พร้อมยืนหยัดความถูกต้องในหน้าที่ของตนเองว่า "ในวันที่ผมเริ่มตัดสินใจมานั่งอ่านข่าว ผมถามตัวเองเสมอว่าควรทำรึเปล่า เพราะตัวผมเองไม่มีต้นทุนทางด้านสื่อสารมวลชนด้านข่าวเลย แต่สิ่งนึงที่เป็นบรรทัดฐานของอาชีพนี้ นั่นคือความเป็นกลางและยุติธรรม ไม่เลือกข้างเลือกฝ่าย และสุดท้ายผมเลือกที่จะทำอาชีพนี้ ผมจึงต้องชัดเจนในการนำเสนอข้อมูลกับประชาชนแบบตรงไปตรงมา การนำเสนอข่าวของผม ผมต้องชัดเจน ... มันน่าขำตรงที่ คุณจะให้ผมมัดมือ มัดเท้าคนอื่น แล้วให้คุณชกเค้าฝ่ายเดียว พอผมไม่ยอมทำตาม โดยให้คู่กรณีคุณชี้แจงบ้างเพื่อความเป็นธรรม คุณดันมาโกรธผมซะงั้น บอกเป็นพี่น้องกันเค้าไม่ทำแบบนี้ (เลยฟ้องผมแม่งซะเลย555) ขำอ่ะ...ถ้าคุณเห็นผมเป็นพี่เป็นน้อง(อย่างที่คุณพูด) และคุณเป็นพี่ที่ดีจริงๆ คุณควรสนับสนุนผม ให้ผมได้ทำงาน ทำหน้าที่ของสื่ออย่างตรงไปตรงมาด้วยความภูมิใจ ไม่ใช่ให้ผมทำลายจรรยาบรรณของสื่อที่เค้ามีความเป็นกลาง มีความภาคภูมิใจในอาชีพนี้มาตั้งแต่สมัยโคตรเหง้าศักราช แต่นี่คุณจะให้ผมทรยศอาชีพตัวเองด้วยการให้ผมเลือกข้าง แบบนี้มันถูกแล้วเหรอครับ? สำหรับผม เป็นแค่สื่อที่นำเสนอสองมุมอย่างไม่บิดเบือน หรือถ้าการนำเสนอนั้นๆ มันกระทบคุณ คุณก็ต้องพิสูจน์ตัวของคุณเอง..ว่ามันใช่อย่างที่มันเป็นรึเปล่า การกระทำพิสูจน์คนครับ

ปล. ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงตอนนี้คุณจะฟ้องผม ผมก็ยังจะนำเสนอเรื่องราวของคุณอย่างเป็นกลาง ทั้งคู่กรณีคุณ และตัวคุณ เพราะผมจะไม่ทรยศอาชีพตัวเองแน่นอนครับ

ปล. ใน ปล. ฟ้องผม ผมยังพอทำใจ แต่ไปฟ้องคุณหมวย (อริสรา กำธรเจริญ) เพื่อ? เค้ายังให้นมลูกอยู่เลย"

 

จากประเด็นเรื่องราวที่ทางคุณหนุ่ม กรรชัย โดนนายอัจฉริยะฟ้อง เนื่องด้วยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 ที่ หนุ่ม กรรชัย และ  หมวย อริสรา กำธรเจริญเป็นพิธีกรอยู่ ได้นำเสนอ ในกรณีที่ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กำลังดำเนินหลักฐานฟ้อง นายอัจฉริยะกลับ ในกรณีที่นายอัจฉริยะให้รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของภรรยานายเศรษฐ์ เพื่อนำไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียล จนได้รับความเสียหาย และสร้างพยานหลักฐานเท็จ และได้มีการโฟนอินนายอัจฉริยะ เข้ามายังรายการ พร้อมกับ โฟนอิน ทนายตั้ม

จากกรณีที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความถึงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2562 โดยทนายตั้มได้โพสต์ภาพที่ทั้งคู่ร่วมทำบุญด้วยกันพร้อมเขียนข้อความอโหสิกรรมให้กับสิ่งที่กระทำกับตน แต่กับคนอื่นที่ถูกนายอัจฉริยะทำให้เดือดร้อนนั้นไม่รู้ว่าเขาจะยอมให้อภัยด้วยหรือไม่

ขอให้คุณพระคุ้มครองพี่นะครับ สิ่งที่พี่ทำกับผม ผมขออโหสิกรรมให้ หลังจากนี้อยู่ที่กรรมของพี่แล้วคนที่พี่ทำกรรมอะไรกับเค้าไว้ ทำให้เค้าเดือดร้อน เค้าจะให้อภัย เค้าจะอโหสิกรรมให้พี่หรือเปล่า พี่ชี้ถูก ชี้ผิด ตัดสินคนอื่นโดยพลการตามใจพี่ ผมอภัยให้พี่ แล้วคนอื่นจะอภัยให้พี่ด้วยไหม ยังมีอีกหลายคดีที่รอพี่อยู่ แล้วแต่เวรแต่กรรมของพี่นะครับ ขออนุโมทนาสาธุ. #ผู้ที่รักความถูกต้องทุกท่านคิดว่าพี่เค้าควรได้รับการให้อภัยไหมครับ?

 

จากข้อความดังกล่าวบนเฟซบุ๊ก สุกิจ พูนศรีเกษม ได้โพสต์ข้อความถึงทนายตั้มเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมาว่า ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ขอให้พระคุ้มครองพี่นะครับ สิ่งที่พี่ทำกับผม ผมอโหสิกรรมให้ นี่คือลูกผู้ชายตัวจริงที่น่ายกย่อง ดีแล้วน้อง กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา แต่น้องยังแสดงถึงความมีน้ำใจเป็นห่วงพี่ร่วมสาบานอยู่ว่า

“หลังจากนี้ อยู่ที่กรรมของพี่แล้ว คนที่พี่ทำกรรมอะไรกับเค้าไว้ ทำให้เค้าเดือดร้อน เค้าจะโหสิกรรมให้พี่หรือเปล่า

“คนที่พี่ชี้ผิด “ชี้ถูก”ตัดสินคนอื่น โดยพละการตามใจพี่ ผมให้อภัย แต่คนอื่นจะให้อภัยพี่ด้วยไหม นี่คือคำพูดนักปราชญ์ ที่กินใจจริงๆ

ยังมีอีกหลายคดีรอพี่อยู่. แล้วแต่เวรแต่กรรมของพี่นะ นี่คือนักปราชญ์ตัวจริงที่รู้แพ้รู้ชนะ. คำพูดกินใจเหลือเกินแต่ใส่ด้วยยาพิษ.นั่นหมายถึงพี่คงไม่ใช่ชุปเแอร์แมนที่จะผ่านพ้นคดีได้โดยง่ายไปทุกเรื่องนะครับ.

ถ้าเรียนกฏหมายจะลึกชึ่งกว่านี้ ถ้าเป็นทนายคงจะใช้วิชาชีพได้ดี แต่เป็นเพียงแค่ทะแนะก็เลยถูกวางยา สุดท้ายก็เป็นที่รู้กันอยู่

ษิทรา เบี้ยบังเกิด ยังส่งข่าวถึงพี่รวมสาบานว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ตอนนี้สภาทนายความมีมติเป็นเอกฉันท์ #ยกคำร้องไม่รับคำกล่าวหา ในเรื่องให้สินบนพนักงานอัยการ ทั้งของพี่และของคุณวาสนาฯที่กล่าวหาผม พี่ฯต้องหยุดพฤติกรรมแบบนี้ เสียทีครับ ไม่ว่ากับผมหรือใครก็ตาม. แต่ก็ยังรักพี่อยู่นะ

จากนั้นทนายตั้มได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ระบุ "เร็วๆนี้ทุกคนจะได้รู้ความจริงทั้งหมด แต่ตอนนี้มีเหตุการณ์หนึ่งซึ่ง ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ได้โพสต์ข้อความในทำนอง รู้ผิดชอบชั่วดี ว่าใครทำอะไรกับชีวิตของ ดร.สุกิจฯ คงต้องรอให้ ดร.สุกิจฯ ออกมาพูด รวมทั้งฟ้า กนกพรรณ ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นคู่ขัดแย้งกับผมมาโดยตลอด คงจะไม่พูดถึงผมในแง่ดีหรอกครับ แต่คราวนี้ผมต้องการให้ทั้ง 2 คนพูดความจริงว่าใครทำอะไรกับชีวิตพวกเค้า ผมขอเรียนให้ทราบว่า ผม ทนายรณรงค์ ทนายเกิดผล ทนายเดชา อาจารย์ปรเมศวร์ คือนักกฎหมายที่ออกสื่อเป็นประจำ รวมทั้งนักกฎหมายอีกหลายแสนท่านทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นทนายความ ตำรวจ อัยการ ศาล ท่านเหล่านี้ไม่ได้ออกสื่อ แต่ทุกคนช่วยผดุงความยุติธรรมให้แก่บ้านเมือง ให้ความเป็นธรรมแก่สังคมตามครรลองของกฎหมาย แต่บุคคลที่ไม่มีอาชีพ ไม่มีหน้าที่รักษากฎหมาย มาทำพฤติกรรม #ชี้นำให้สังคมปั่นป่วน เกิดความสับสน วุ่นวายในบ้านเมือง มีไม่กี่คนหรอกครับ อยากขอร้องสื่อมวลชน เชิญนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกันมาโดยตลอด มาออกรายการด้วยกัน ผมเชื่อว่าพิธีกรที่มีความเป็นกลาง มีจรรยาบรรณ สามารถทำความจริงให้ปรากฎ ว่ากระบวนการยุติธรรมมันผิดเพี้ยน หรือเป็นเพราะคนที่ไม่มีอาชีพต่างหาก ที่ชอบชี้นำสื่อ และสังคมให้เป็นไปตามใจของตัวเอง แล้วท้ายที่สุดพวกเราทุกคนในสังคม ใช้หัวใจ ความจริงและเหตุผล มาตัดสิน  #อย่าให้คนพวกนี้มาชี้นำครับ

และทางดร.สุกิจก็โพสต์ตอบกลับในทันทีว่า ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนสิ่งที่น้องพูดถึงพี่ นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว พี่ร่วมสาบานน้องนั้นไม่ใช่ทำเฉพาะผมกับน้องคนเดียว แต่เค้าจะทำกับทุกคนที่ขัดใจและไม่ทำตามที่เค้าต้องการ

สิ่งทีพี่ไม่ชอบการกระทำของพี่ชายร่วมสาบานน้องนั้นมันมีอำนาจเหนือตำรวจ.เหนือฝ่ายปกครอง. เหนืออำนาจรัฐ ทั้งที่ตนเองไม่มีหน้าทีหรือเกี่ยวข้องด้วยอะไรเลย ที่พี่ไม่อยากไปออกรายการหนุ่มกรรชัย กำเนิดพลอย ทั้งที่ไอ้หนุ่มดำเป็นทีมงานผม รายการนี้ไม่เป็นกลางครับ.

ต้องบอกน้องตรงๆเลยว่า ผมป่วยตั้งแต่ถูกตำรวจกองปราบบอกว่าเข้าใจผิดโดยเฉพาะพี่ชายร่วมสาบานน้องนั้น ผมหายป่วยเมื่อไรผมเช็คบิลเมื่อนั้น ขอให้มันใหญ่จริง มันด่านายกรัฐมนตรี กล่าวหานายกต่างๆนาๆตามคลิปตำรวจยังทำอะไรมันไม่ได้เลย กลับได้รับการยกย่องจากสมาคมอะไรไม่รู้ว่า พี่ร่วมสาบานน้องเป็นวีรบุรุษ แล้วสังคมจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบได้

ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม