- 26 ม.ค. 2562
ทำไมหลวงพ่อคูณ จึงเป็นเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด วิสัชนาโดยว.วชิรเมธี หิ้งพระที่ญี่ปุ่น
จากกรณีที่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อายุ 92 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้มรณภาพอย่างสงบด้วยอาการอาพาธหัวใจหยุดเต้นเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เวลา 11.45 น. เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2558 ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ทราบข่าว ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่อคูณ ได้เร่งก่อสร้างเมรุภายในพุทธมณฑลอีสานจนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยมีกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 29 มกราคม 2562 ที่จะถึงนี้
ขณะที่พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ถึงหลวงพ่อคูณด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เล่าระหว่างเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น
“ทำไมหลวงพ่อคูณ
จึงกลายเป็นเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด”
.
ระหว่างวันที่ ๑๙ ~ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒
ผู้เขียนเดินทางไปปาฐกถาธรรมและนำภาวนา
ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
.
หลังเสร็จภารกิจ
มีโอกาสได้ไปเยี่ยมลูกศิษย์คนหนึ่ง
ที่เมืองยามานาชิ
ที่บ้านของลูกศิษย์คนนี้มีหิ้งพระอยู่ด้วย
บนนั้นมีรูปหล่อของ “หลวงพ่อคูณ” ประดิษฐานอยู่
พลันที่ทอดตามองเห็น
สภาวธรรมก็ผุดพรายขึ้นมาในใจว่า
“หลวงพ่อคูณท่านมาไกลจริงๆ
แม้แต่บนหิ้งพระของชาวไทยในประเทศญี่ปุ่น ก็มีรูปหล่อของท่าน
ท่านเกิดมาบนดิน แต่ตายแล้วกลายเป็นเทพไปอยู่บนหิ้ง...”
ระหว่างเดินทางกลับโตเกียว
เราคุยกันเรื่องปฏิปทาของหลวงพ่อคูณในฐานะ “พระผู้ให้”
ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า
หากมองเผินๆ หลวงพ่อคูณอาจเป็นพระบ้านๆ มึงๆ กูๆ
(อย่างที่สื่อมวลชนบางคนตั้งฉายาให้ท่าน)
แต่หากมองอย่างลึกซึ้งถึงเนื้อในเหมือนนางรจนามองทะลุรูปเจ้าเงาะ
เราก็จะพบว่า แท้ที่จริงแล้ว
ท่านเป็นพระนักปราชญ์ผู้แหลมคม ลุ่มลึก สมถะ จริงใจ และเปี่ยมเมตตาธรรม
เพราะน้อยคนนักที่เมื่อมียศ ทรัพย์ อำนาจ บริวาร แล้วจะไม่หลง
แต่หลวงพ่อคูณท่านมองข้ามโลกธรรมเหล่านี้ทั้งหมด
ท่านจึงผันโชคของตัวเอง
ไปเป็นประโยชน์สุขสำหรับคนอื่น
.
กล่าวกันว่า
ใครเอาเงินมาให้ ท่านก็รับไว้ เพื่อให้ต่อ
ไม่ได้เก็บไว้เพื่อให้ตัวเองมั่งมีศรีสุข
ไม่ได้ถือว่า
โลกธรรมเหล่านี้เป็นบุญบารมีส่วนตัวเหนือคนอื่น
ปฏิปทาของท่านนั้น
เป็นไปในลักษณะ “มีก็เพื่อให้ ได้ก็เพื่อแจก”
หรือถ้าพูดผ่านวาทะของท่านก็คือ “ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้”
และผลของปฏิปทาเช่นนี้ก็คือ
“จากพระธรรมดา ท่านจึงโดดเด่นขึ้นมาเป็นเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด”
บางคนบอกว่า ท่านเสียสละเพื่อสังคมมากกว่าหกพันล้านบาท
ผลแห่งทานคือการให้ ท่านจึงไม่ได้อยู่แค่วัดบ้านไร่
แต่ท่านอยู่บนสร้อยคอ อยู่บนหิ้ง อยู่บนรถ อยู่ในใจ อยู่ในต่างประเทศ
และอยู่ในประวัติศาสตร์
.
วิถีชีวิตของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
คือ ตัวอย่างของคำกล่าวที่ว่า
“การมีเงินมาก
ยังไม่นับว่าประสบความสำเร็จ
แต่การรู้จักถือเอาสาระประโยชน์จากเงินในทางที่ถูกต้องต่างหาก
จึงจะถือว่า ประสบความสำเร็จ”
.
ใครก็ตามที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้
ขอให้ลองถามตัวเองว่า
“เรารู้จักถือเอาคุณค่าของเงินอย่างถูกต้องถ่องแท้แล้วหรือยัง ?”
.
“สาระของเงินอยู่ที่การให้ การรับใช้สังคม
สาระของชีวิต
อยู่ที่การเห็นแจ้งสัจธรรม”
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
บรรลุถึงสาระทั้งสองอย่างแล้วอย่างหมดจดและงดงาม
.
(ว.วชิรเมธี)
๒๕ มกราคม ๒๕๖๒
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี