- 04 มี.ค. 2562
กรณีของ น้าป้อม หรือ นายนพดล สีทองคำ รหัส นคร71 อาสากู้ภัยประจำจุด จ.นนทบุรี ที่โดนเด้งจากตำเเหน่ง
จากกรณีที่ น้าป้อม หรือ นายนพดล สีทองคำ รหัส นคร71 อาสากู้ภัยประจำจุด จ.นนทบุรี ที่ได้มีภาพถ่ายขณะนั่งเฝ้าศพผู้เสียชีวิตกระโดดสะพานพระราม 7 ลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นข่าวดัง เเชร์สนั่นโลกออนไลน์ ซึ่ง นายนพดล นั่งอยู่เป็นเพื่อนศพเพื่อรอเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ ตี 3 ยันเกือบ 7 โมงเช้า เนื่องจากต้องรอให้ตำรวจสรุปท้องที่รับผิดชอบให้ชัดเจนว่า 4 โรงพักในจุดเกิดเหตุ สน.หรือ สภ.ใดมีอำนาจสอบสวน เเละเมื่อภาพเเละข่าวดังกล่าวเเพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ทำให้ทาง มูลนิธิร่วมกตัญญูได้มีคำสั่งย้ายนายนพดล สีทองคำ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จนท.กู้ภัยนั่งเฝ้าร่างหนึ่งชีวิตจมน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ดึกยันเช้า เพราะตร.4โรงพักเกี่ยงทำคดี??
- มูลนิธิร่วมกตัญญู ร่อนหนังสือแจงชัด หลังดราม่าถล่ม "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพถูกสั่งเด้ง
- บิ๊กแป๊ะ มาแล้ว ออกชี้แจงปม "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพถูกสั่งเด้งฟ้าผ่า
- เปิดใจ "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพยันเช้า หลังโดนเด้งฟ้าผ่า กับการทำงานล่าสุด
โดยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 นายนพดล สีทองคำ นคร 71 กู้ภัยนั่งเฝ้าศพรอเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 6 ชั่วโมง เหตุบริเวณสะพานพระราม 7 จังหวัด จ.นนทบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตพื้นที่นครบาล กับ จ.นนทบุรี ทำให้ต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกันไปมา จึงไม่มีความชัดเจนว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของใคร ซึ่งชาวบ้านบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่ระบุว่าจุดดังกล่าวเป็นแบบนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว
กระทั่งวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา มีรายงานว่าทางมูลนิธิร่วมกตัญญูได้มีคำสั่งย้ายนายนพดล สีทองคำ นคร 71 ไปปฎิบัติหน้าที่สำนักงานใหญ่บางพลี ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีผลสรุปจากคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในประกาศคำสั่งของทางมูลนิธิฯ ระบุว่านายนพดล สีทองคำ นคร 71 ให้ข่าวในทำนองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุล่าช้าทำให้ต้องรอเจ้าหน้าที่ถึงเช้า
และมีการเผยแพร่ข่าวกระจายออกไปทางสื่อโซเชี่ยลเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน ซึ่งนายนพดล มิได้มีการแก้ไขข่าวสารที่ออกมาแต่อย่างใด ทำให้มูลนิธิฯ ได้รับผลกระทบในทางลบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมูลนิธิฯได้ปฎิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ด้วยดีมาตลอด จนได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มูลนิธิร่วมกตัญญู สามารถปฎิบัติงานเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการเก็บและรักษาสภาพศพได้ มาเป็นเวลาหลายสิบปี จึงเป็นเหตุทำให้มีคำสั่งให้สอบสวนและย้ายนายนพดล
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุดนั้น ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูก็ได้ออกหนังสือชี้เเจงข้อเท็จจริง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เกี่ยวกับกรณีของ นายนพดล ศรีทองคำเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสนคร 71 พร้อมระบุคำสั่งก่อนหน้านี้ ที่ได้เป็นข่าวนั้น ไม่ใช่การลงโทษ หรือ พักงาน ซึ่ง นายนพดล ศรีทองคำ ยังไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความผิดหรือข้อบกพร่องใดๆ นายนพดล สีทองคำ หรือนคร 71 จะกลับไปปฎิบัติหน้าที่ตามปกติต่อไป ...มีใจความดังต่อไปนี้
วันที่3 มีนาคม 2562
เรื่อง ชี้เเจงเพื่อทราบ
เรียนสื่อมวลชนเเละผู้เกี่ยวข้อง
ตามที่มีภาพและข่าวปรากฎตามสื่อต่างๆ กรณี นายนพดล ศรีทองคำเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสนคร 71 ปฎิบัติหน้าที่เก็บศพผู้เสียชีวิตจากการกระโดดสะพานพระรามเจ็ด เมื่อเวลา 00.03 น.คืนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะพบศพในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.เศษ แต่จนถึงเวลา 06:00 น. เศษก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจชันสูตรพลิกศพเนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวสองโรงพักของ บช.น.เเละ 2 โรงพัก สังกัด บช.ภ.1 นั้น
ต่อมาสื่อมวลชนได้มีการนำเสนอภาพและข่าวในประเด็นที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องมานั่งเฝ้าศพจนถึงเช้าเพราะตำรวจ 4 โรงพักไม่มีใครรับเป็นเจ้าของคดีนั้น ซึ่งในข้อเท็จจริงห้วงเวลาดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าไปในที่เกิดเหตุแล้ว ขาดแต่พนักงานสอบสวนกับแพทย์ ที่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นท้องที่ใด ไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่มูลนิธิอยู่ลำพังจึงมีการทักท้วงถามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ขึ้นทางมูลนิธิร่วมกตัญญูจึงตั้งคณะกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ดังกล่าว
ดังนั้นเพื่อให้การสอบเป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบ ทางมูลนิธิฯ จึงมีคำสั่งให้ นายนพดล ศรีทองคำ มาช่วยงานที่สำนักงานเพื่อให้คณะกรรมการได้ซักถามข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งคำสั่งดังกล่าวมิใช่ "การลงโทษ" หรือ "การพักงาน" อย่างที่มีการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆโดยเฉพาะสื่อโซเชียล จนก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจเป็นวงกว้างในทำนองคนทำดีแต่ถูกลงโทษ
ทางมูลนิธิใคร่ขอเรียนชี้แจงว่า นายนพดล ศรีทองคำ ยังไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความผิดหรือข้อบกพร่องใดๆ นายนพดล สีทองคำ หรือนคร 71 จะกลับไปปฎิบัติหน้าที่ตามปกติต่อไป
มูลนิธิขอยืนยันว่า เราตระหนักถึงคุณค่าของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของเราทุกคน หากทำงานบนพื้นฐานของกฎระเบียบของมูลนิธิร่วมกตัญญู และอยู่ภายใต้กฎหมายทางมูลนิธิพร้อมจะปกป้องและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถเช่นกัน ดังนั้นการนำเสนอข่าวสารใดๆ ก็ตามทางสื่อโซเชียลต่างๆ ทางมูลนิธิใคร่ขอความกรุณาทุกๆ ท่านโปรดพิจารณาข้อความข่าวสารให้ถี่ถ้วนรอบคอบ และครอบคลุมในทุกๆ ด้านและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกทุกท่านจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งมูลนิธิน้อมรับทุกคำติติงหรือกำลังใจจากทุกๆท่านไว้ณโอกาสนี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
นายสมศักดิ์ปาลวัฒน์
ผู้จัดการมูลนิธิร่วมกตัญญู