- 06 มี.ค. 2562
ศาลสั่งจำคุก 8 ปี "ครูจอมทรัพย์" ปั้นพยานเท็จ ก๊วนไม่รอด
จากกรณีที่ ศาลจังหวัดนครพนมเปิดบัลลังก์ เพื่อพิจารณาคดีกรณีอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ 57 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร เป็นจำเลย ใน คดีหมายเลข อ.295/61 ร่วมกับพวกประกอบด้วย 1.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง 2.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 3.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา 4.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์ 5.นายเสน่ห์ สุพรรณ(เพื่อน) 6. นางรจนา จันทรัตน์(เพื่อน) และ7.น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง หลานสาว
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีนางจอมทรัพย์ ตกเป็นจำเลยในคดีขับรถชนคนตายเมื่อปี 2548 ซึ่งต้องโทษจำคุกจากการพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 24ก.ย.2556 ตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน แต่เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2558ได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำนครพนม รวมถูกจำคุก1ปี6เดือน หลังพ้นโทษก็เดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมช่วยรื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่ โดยอ้างว่าตกเป็นแพะ
แต่สุดท้ายกระทั่งศาลฯนัดสืบพยาน ตามที่นางจอมทรัพย์ร้องขอใน พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ ระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ. 2560 โดยอ้างชื่อนายสับ วาปี ที่ออกมายอมรับว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง จนกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดี แต่ในวันสืบพยานฝ่ายผู้ร้องกลับไม่ได้นำตัวนายสับกุญแจดอกสำคัญขึ้นเบิกความในชั้นศาล ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560
ศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นว่ามีความผิดจริง และยกคำร้อง การขอรื้อฟื้นคดี เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานใหม่มาหักล้างได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งความดำเนินกับขบวนการจ้างแพะช่วยแกะ เริ่มจากนายสับรีบเข้ามอบตัว พร้อมยอมรับว่าไม่ได้ขับรถชนคนตาย ตามที่ให้การกับตำรวจในตอนต้น แต่มีนายสุริยาหรือครูอ๋องมาติดต่อและรับปากจะให้เงิน 4 แสนบาท แลกกับการรับผิดแทน แต่ยังไม่มีการจ่ายเงินกัน
แต่ในที่สุดทำให้ ครูจอมทรัพย์ พร้อมพวกอีก 10 คน ตกเป็นจำเลยอีกครั้ง หลังถูกตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมดำเนินคดี ฐานความผิด 4 ข้อหา ได้แก่ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ร่วมเบิกความเท็จ และซ่องโจร เนื่องจากมีการ นำพยานหลักฐานเท็จ มาเบิกความต่อศาล ในการพิจารณาคดีใหม่
ต่อมาเจ้าหน้าที่บุกจับกุมนางจอมทรัพย์ที่บ้านพักใน จ.สกลนคร ในคดีซ่องโจร และให้การเท็จต่อศาลฯ พร้อมฝากขังศาลจังหวัดนครพนม โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่ครูอ๋องเผ่นหนีออกจากบ้าน ไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ ที่สถานีรถไฟหลักสี่ กทม. ส่วนจำเลยรายอื่นๆถูกดำเนินคดีตามที่หลักฐานพยานสาวไปถึงตัว
ทั้งนี้ สำหรับนายสับ นางจันทร์ วาปีนั้นได้รับสารภาพในข้อหาเบิกความเท็จ และแจ้งความเท็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ศาลจังหวัดนครพนมจึงได้แยกสำนวน เป็นคดีหมายเลข อ.290/61 และคดีหมายเลขแดงที่ 4645/2561 โดยวันที่ 25ก.ย.61 ศาลจังหวัดนครพนม ออกนั่งบัลลังก์แล้ว มีคำพิพากษาว่า นายสับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด กฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน จำคุก2เดือน ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนฯ
และฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันยเป็นลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล จำคุก3ปี ฐานซ่องโจร1ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา92เฉพาะฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีคดีอาญาต่อศาล เป็นจำคุก4ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกกำหนด 2 ปี 10 เดือน
ล่าสุดเบื้องต้นศาลมีคำพิพากษาจำคุก นางจอมทรัพย์ 8 ปี จำคุกนายสุริยา 7 ปี 9 เดือน จำคุกนางทัศนีย์ 2 ปี 19 เดือน จำคุกนางทองเรศ 2 ปี 12 เดือน และจำคุกนายนิรันดร์ 2 เดือน ส่วนจำเลยที่เหลือศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้อง ตอนนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัว ส่วนรายละเอียดจะรายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก sanook.com