- 27 มี.ค. 2562
"มูนา อัลล์ ซารูนี่ณ์" สาวไทยที่พบรักกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของดูไบ "มร.อาเหม็ดณูร์ อัล ซารูนี่ณ์" เรียกได้ว่าเขาเป็นอภิมหาเศรษฐีติดอันดับ 1 ใน 5 ของดูไบ
เคยตกเป็นข่าวฮือฮามาแล้วครั้งหนึ่ง สำหรับชีวิตสุดหรูหราของคุณ "มูนา อัลล์ ซารูนี่ณ์" สาวไทยที่พบรักกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของดูไบ "มร.อาเหม็ดณูร์ อัล ซารูนี่ณ์" เรียกได้ว่าเขาเป็นอภิมหาเศรษฐีติดอันดับ 1 ใน 5 ของดูไบ จนทำให้หลายคนอาจรู้สึกจินตนาการถึงชีวิตของเธอ ที่เหมือนดุจเจ้าหญิงเลยก็ว่าได้
ต่อมาปิยะดา อดีตสาวทำทัวร์ ซินเดอเรลล่าเมืองไทย หรือ มูนา อัล ซารูณีย์ เจ้าตัวได้บินจากดูไบ กลับไทยเปิดบ้านหรู ให้รายการดังอย่าง "ตีท้ายครัว" ออกอากาศทางช่อง 3 ได้เยี่ยมชมบ้านครั้งแรก โดยมูนาได้สวมเพชรที่คอ เครื่องประดับที่สวมใส่ ออกมาต้อนรับแขก ปาเข้าไป 20-30 กะรัต แหวนที่นิ้วอีก 10 กะรัต 2 เม็ด ทำเอาเหล่าพิธีกรฮือฮามากๆ
โดยมูนา ได้เล่าเรื่องราวชีวิตให้พิธีกรฟังว่า ตนเองขอให้สามีซื้อ โรลส์รอยซ์ ให้ถ้าไม่ได้ โรลส์รอยซ์ ก็ไม่เอา เพราะเรามีหมดทุกยี่ห้อแล้ว ชีวิตครบสมบูรณ์ทุกอย่าง ถามว่า ทำไมสามีถึงรวยมากๆ เพราะสามีขายตึก ขายบ้าน อยู่ที่ดูไบ ทำอสังหาริมทรัพย์ เมื่อก่อนทำน้ำมันด้วย ทำบ่อน้ำมัน กลับมาที่บ้านเมืองไทย เพราะมาออกรายการนี้โดยเฉพาะ บ้านหลังนี้ซื้อมา 9 ปีแล้ว ลูกๆ 2 คน อยู่แถวนี้ นานๆ มาเจอลูกหลาน กลับมาปีละ 1-2 ครั้ง ตอนนี้อายุ 66 มีหลาน 4 คนแล้ว
แล้วที่มีข่าวว่า ตนเองได้เงินเดือน 10 ล้าน จริงไหม มูนา บอกว่า ไม่จริง แต่ก็ได้เยอะ เพราะเงินที่ดูไบ เป็นสิบเท่าของที่นี่ อย่างถ้าพี่ได้แสน ก็คือล้าน บ้านหลังนี้ ชอบ พอบอก 18 ล้าน ก็โอนมาซื้อเงินสดเลย
วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของชีวิตหญิงไทยคนนี้ ที่ฟังดูแล้วชีวิตก็คล้ายดุจเจ้าหญิง เมื่อต้องกลายเป็นเศรษฐีนีไทย ภรรยามหาเศรษฐีดูไบ จากหญิงไทยวัย 65 ปีที่เคยเป็นแม่ม่ายลูกสอง (คุณฌาน ชานนท์ และ คุณปิยะ ชานนท์) ใช่ชีวิตเรียบๆ เปิดบริษัททัวร์เล็กๆ ร่วมกับเพื่อน แต่ชีวิตดันพลิกผันเมื่อเธอได้พบรักกับ มหาเศรษฐีดูไบ อาเหม็ด นูร์ ซารูนี่ณ์ ซึ่งเขาเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเป็นประจำทุกปี และได้มาใช้บริการบริษัททัวร์ขอคุณมูนาและเพื่อน จนทั้งคู่ได้พบรักกัน
ในตอนแรกที่คุณมูนา และสามีนั้นยังไม่ได้คบหาดูใจกันในฐานะแฟน คุณอาเหม็ดใช้เวลาถึง 5ปีที่จะพิชิตหัวใจของคุณมูนา ซึ่งเขาเดินหน้าจีบคุณมูนาเรื่อยมา โดยทุกครั้งที่กลับดูไบ เขาจะโทรศัพท์มาคุยกับคุณมูนาทุกวันซึ่งค่าโทรศัพท์ในตอนนั้นบอกเลยว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ตกเดือนละ 400,000 บาท ทำแบบนี้ทุกวัน ทำเป็นประจำอย่างเสมอต้น เสมอปลาย จนคุณมูนาเปิดใจยอมรับในฐานะแฟน
ในตอนแรกที่คุณมูนา และสามีนั้นยังไม่ได้คบหาดูใจกันในฐานะแฟน คุณอาเหม็ดใช้เวลาถึง 5ปีที่จะพิชิตหัวใจของคุณมูนา ซึ่งเขาเดินหน้าจีบคุณมูนาเรื่อยมา โดยทุกครั้งที่กลับดูไบ เขาจะโทรศัพท์มาคุยกับคุณมูนาทุกวันซึ่งค่าโทรศัพท์ในตอนนั้นบอกเลยว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ตกเดือนละ 400,000 บาทค่ะคุณขา ทำแบบนี้ทุกวัน ทำเป็นประจำอย่างเสมอต้น เสมอปลาย จนคุณมูนาเปิดใจยอมรับในฐานะแฟน
เปลี่ยนรถให้จาก BMW เป็น Mercedes Benz คุณมูนาบอกว่า ในช่วงที่คุยกันนั้นคุณอาเหม็ดถามคุณมูนาว่า อยากเปลี่ยนรถไหม เดี่ยวเขาเปลี่ยนให้ ซึ่งในตอนนั้นเธอเองก็ขับรถ BMW อยู่แล้ว โดยคุณมูนาก็ยังไม่ได้เอ่ยปากใดๆ แต่คุณอาเหม็ดก็เซอร์ไพรส์โอนเงินมาให้คุณมูนาเพื่อไปซื้อรถคันใหม่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
ในช่วงที่เป็นแฟนกันนั้นแม่ของสามีก็ไม่ทราบว่าคุณมูนาคือว่าที่ลูกสะใภ้ ซึ่งเธอก็ได้หาลูกสะใภ้ไว้ให้ลูกชายเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นทายาทเจ้าของนาฬิกาโรเล็กซ์ของดูไบ ซึ่งคุณอาเหม็ดด้วยความที่รักคุณมูนามาก ก็ไม่ได้บอกถึงเรื่องนี้ให้ทราบ แต่ทั้งคู่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย โดยมีลูกสาวและลูกชาย 2 คน (ซาราห์ และ อะดิล ซารูนี่ณ์) ถึงจะย้ายกลับไปใช้ชีวิตที่ดูไบ
เมื่อย้ายไปอยู่ที่ดูไบ ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตค่อนข้างมาก สิ่งหนึ่งที่เธอต้องเปลี่ยนเลยคือ ศาสนา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนเป็นมุสลิมตั้งแต่ตอนแต่งงาน และการอยู่ร่วมกับสะใภ้คนอื่นๆ ภายในบ้าน โดยเธอนั้นเป็นสะใภ้คนโต และมีสะใภ้อีก 3 คนภายในบ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ขนบธรรมเนียมต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ต้องเปลี่ยนเลย คือ ความรวย
และถือเป็นเรื่องธรรมดาของเศรษฐีที่จะมีคนรับใช้คอยช่วยทำงานในบ้านตลอดเวลา เจ้านายแทบจะไม่ต้องลงมือทำอะไร สำหรับครอบครัวของคุณมูนาก็เช่นกัน เพราะเฉพาะครอบครัวเธอนั้นมีคนรับใช้ถึง 16 คน แต่สามีและแม่สามีกลับบอกว่า ยังไม่พอให้ไปหามาอีก ซึ่งคุณมูนายังบอกไว้ใน รายการคนดังนั่งเคลียร์อีกว่า คนรับใช้ที่นั่นจะมีหน้าที่เดียว ซักผ้า ซื้อกับข้าว ยกกับข้าว ก็ทำอย่างเดียว ฟังดูแล้วไม่แปลกใจเลยว่า 16 คนที่มีอยู่ทำไมถึงไม่พอ
ชีวิตฝัน ไม่ต้องทำงาน แต่มีเงินเดือน ปกติคนทั่วไปต้องทำงาน ถึงจะมีเงินใช้ แต่สำหรับคุณมูนาชีวิตที่ดูไบ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย มีหน้าที่คือรับเงินเดือนซึ่งสามีจะให้เธอราวๆ 7-8 หลักต่อเดือน โดยเงินที่ได้คุณมูนาจะเก็บไว้ และนำไปซื้อเพชรซึ่งเป็นอัญมณีที่เธอชื่นชอบ วันว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เธอก็จะไปชอปปิ้ง และ แต่งตัวสวยเพื่อไปออกงาน
ในส่วนของการดูแลตนเอง แม้จะอายุ 65 แล้ว แต่คุณมูนาบอกว่า ไม่เคยหยุดสวย ปล่อยตัวเองให้โทรมไม่ได้ มีฉีดโบท็อกบ้าง ขนาดน้ำหอมหยดละหมื่น ขวดละแสน ก็ยังใช้ น้ำหอมขวดละหมื่นก็ว่าแพงแล้ว เจอน้ำหอมขวดละแสนของคุณมูนาก็ต้องยอม ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า คนที่นั่นจะใช้น้ำมันหอมซึ่งมีกลิ่นแรงมากกว่าน้ำหอม แตะเพียงนิดเดียวก็หอมไปหลายวัน 6-7 วัน ขวดนิดเดียวก็เป็นแสน แตะเพียงหนึ่งหยดก็เป็นหมื่นแล้วจ้า
ในแต่ละเดือน มีค่าวิตามินตกเดือนละหลายพันบาทก็ว่าแพงแล้ว แต่สำหรับคุณมูนานั้นเธอนั้นซื้อโสมสกัดเข้มข้น 1 กล่อง ซึ่งทานได้ 1 เดือนราคา 62,000 บาท ถ้ากินทุกเดือนปีหนึ่งก็เกือบล้านบาท โดยเธอลองทานไปสองเดือน ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้น ผิวพรรณดีมาก สวยเลย ย้อนวัยเป็นสาว แต่ต้องหยุดกินเพราะมันทำให้ไตทำงานหนัก
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของ "มูนา" หรือผู้หญิงที่ได้รับฉายาว่า ซินเดอเรลล่าเมืองไทย ที่ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่ร่ำรวยมหาศาล แต่ชีวิตเธอยังโชคดีมากๆ ที่สามีรัก และดูแลอย่างดี มีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นเรื่องของบุญวาสนา ที่ต้องบอกเลยว่า น่าอิจฉามากๆ
ขอบคุณ IG : monazr