- 05 เม.ย. 2562
ยุทธการ “ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ครั้งที่ 10 ตลาดสำเพ็ง
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. , พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.6
ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. และศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และระงับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและการกระทำผิดอื่นๆ ออนไลน์ ขึ้น โดยมุ่งเน้นการป้องกันปราบปรามการอาชญากรรมที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมากในปัจจุบัน โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดสำเพ็ง กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 จุด
สำหรับยุทธการ “ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และระงับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและการกระทำผิดอื่นๆ ออนไลน์ จากการสืบสวนพบอีกว่าผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ มีการจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางค์ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ร้านเจ้ฉันและร้านโชคดี ตลาดสำเพ็ง และยังพบการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้กระทำผิดกลุ่มนี้ทางสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างเฟสบุ้คอีกด้วย
การปฏิบัติการครั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดสำเพ็ง กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 จุด ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จำนวน 2 ราย คือ น.ส.พัชรินทร์ แก้วยอดคง ผู้ดูแลจัดการร้านเจ้ฉัน และน.ส.พรสุดา นครังสุ ผู้ดูแลจัดการร้านโชคดี ในข้อหา “จำหน่ายหรือเสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” และได้ตรวจยึดสินค้าเครื่องสำอางละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมจำนวนกว่า 7,000 รายการ มูลค่าความเสียหายประมาณ 7,000,000บาท
สำหรับยุทธการ “ปราบปรามละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความจริงจังในการปราบปราม ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขยายผลไปยังแหล่งผลิต หรือผู้ที่นำเข้า จะดำเนินการอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ฝากไปยังผู้ที่ยังดำเนินการผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพ ต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ ๆ หรือการประกาศขายทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม หากยังดำเนินอยู่ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดีขยายผลถึงนายทุน ตลอดจนใช้มาตรการยึดทรัพย์ จากความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๓ (๑๓) และมีอัตราโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ ซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อให้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยหมดไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ผบก.จว.สระแก้วร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวมาตรกรการป้องกันปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (มีคลิป)
ศูนย์ข่าว123คนดีีน้ำใจ