"ลูกโป่งหัวเราะ" นั่งยิ้ม-อารมณ์ดี แต่โทษถึงชีวิต

ระบาดหนัก!!“ลูกโป่งหัวเราะ” ผิดกฎหมายแต่มีขายเกลื่อ “ลูกโป่งก๊าซหัวเราะ”ระบาดหนักอีกครั้ง!!ย่านท่องเที่ยวถนนข้าวสารเปิดขายกันอย่างโจ่งแจ้งเพียงสังเกตป้ายที่เขียนว่า “Laughing Gas” ก็สามารถตรงเข้าไปซื้อได้ซึ่งทางร้านก็ขายโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใดจึงทำให้สังคมตั้งคำถามว่าลูกโป่งหัวเราะนี้กลับมาระบาดอีกครั้งหรือมันไม่ได้หายไปไหนกันแน่? 

 

 

โดย “ลูกโป่งก๊าซหัวเราะ” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ตามที่ปรากฏในสื่อซึ่งมีชาวรัสเซียเป็นเจ้าของธุรกิจแต่ใช้สาวชาวไทยให้จดทะเบียนการค้าเปิดร้านขายลูกโป่งบังหน้าธุรกิจมืดนี้แถมยังแพร่ระบาดและขยายตัวอย่างรวดเร็วตามสถานบันเทิงหลายแห่ง
 

 

ทั้งนี้ลูกโป่งหัวเราะเป็นที่นิยมของนักท่องราตรีอย่างมากเมื่อสูดดมเข้าไปฤทธิ์ของมันจะทำให้เกิดอารมณ์ดีเคลิบเคลิ้ม หัวเราะสมชื่อลูกโป่งเลยทีเดียวหากนักท่องเที่ยวคนใดพึ่งจะเคยลองเป็นครั้งแรกพนักงานขายก็จะสอนวิธีการสูดก๊าซเข้าร่างกายอย่างไรให้ฟินกันเลย แต่อย่างไรก็ตามทาง นพ.พูลลาภฉันทวิจิตวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ได้เผยกับสื่อไว้ว่าปัจจุบันมีการลักลอบขาย “ก๊าซไนตรัสออกไซด์” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ก๊าซหัวเราะ” โดยทางร้านค้าส่วนใหญ่หาซื้อก๊าซชนิดนี้จากผลิตภัณฑ์อาหารเพราะมีจำหน่ายตามท้องตลาดแต่หากพบว่าร้านค้าใดนำก๊าซนี้ไปใช้ผิดประเภทถือว่าทำผิดกฎหมาย

ตามพระราชบัญญัติยาพ.ศ.2510มาตรา 12 ที่ว่าด้วยห้ามมิให้ผู้ใดผลิตขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งยาแผนปัจจุบันเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตสำหรับการขออนุญาตและการขออนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งหากผิดตามมาตราดังกล่าวนี้จะมีโทษปรับและจำคุก
 

 

เมื่อตรวจสอบการขายลูกโป่งหัวเราะ ซึ่งได้พบว่ามีร้านอาหารและสถานบันเทิงยังเปิดขายลูกโป่งอย่างโจ่งแจ้งโดยติดป้ายที่เขียนว่า “Laughing Gas” ไว้หน้าร้านพร้อมราคาใบละ 50-100บาท  ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเมื่อสั่งลูกโป่งหัวเราะพนักงานก็จะเดินไปหลังร้าน และนำลูกโป่งที่อัดก๊าซเรียบร้อยแล้วมาให้กับลูกค้าผู้ซื้อลูกโป่งหัวเราะใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็สูดดมก๊าซจนหมด บางรายถึงกลับต้องสั่งเพิ่มอีกใบ บางรายถึงขั้นนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะหลังจากสูดดมจนหมดลูก
 

 

สอบถามบุคคลที่สูดดมลูกโป่งหัวเราะนี้ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเมื่อสูดดมลมเข้าร่างกายแล้วพบว่า เกิดอาการชาๆ ทำให้สติเคลิ้มๆ ในช่วงลมในลูกโป่งใกล้จะหมดแต่อาการจะเป็นแค่ระยะสั้นๆ เท่านั้น  จากที่สังเกตการซื้อขายลูกโป่งนี้พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งภายใน 20 นาที ทางร้านขายลูกโป่งได้ถึง 7 ใบ หากคิดเป็นใบละ 50 บาท ในเวลา 20 นาทีทางร้านจะได้เงินจากนักท่องเที่ยว 350 บาท และลองคิดเล่นๆ ดูว่าถ้าทางร้านขายในเวลา 1ชั่วโมง จะขายได้ทั้งหมด 21 ใบ แล้วนำ 21 คูณราคาคือ 50 บาท ดังนั้นภายใน 1 ชั่วโมง ทางร้านจะสามารถขายได้เป็นเงิน 1,050 บาทเลยทีเดียว

เจ้าตัวไม่ประสงค์ออกนามเธอได้บอกว่าเห็นการขายลูกโป่งหัวเราะที่ถนนข้าวสารมีมานานแล้ว ซึ่งขายกันอย่างโจ่งแจ้งด้วย และที่ไม่ขอออกนามเพราะถนนข้าวสารมีหลายรูปแบบที่หลายคนยังไม่รู้จึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง “ถ้าเข้าไปดูก็จะเห็นเลยว่ามีขายตั้งแต่ลูก 50 ถึง 100 บาทค่ะ มีทั้งเดินขายและสั่งในร้านนั่งดื่มก็ได้ลองเข้าไปดูแล้วจะเห็นของจริงเลยค่ะ ซึ่งเคยเห็นบางคนสูดดมก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นแต่บางคนสูดดมเข้าไปแล้วนั่งพับ หรือบางคนนั่งหัวเราะก็มี อยู่ที่ร่างกายของใครจะรับได้มั้งคะ

 

 

ในช่วง 2 ถึง 3 ทุ่มก็มีคนขายแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งซื้อมากกว่าคนไทยค่ะ การตรวจตาของตำรวจก็มีขี่รถมาตรวจบ้าง แต่ไม่ได้เดินเข้ามาดูในร้านก็แค่ขี่ไปขี่มา เพราะโรงพักชนะสงครามก็ติดกับสถานที่เที่ยวเลยนี้ค่ะ พากันเข้าไปดูเองเลยดีกว่าไม่อยากยุ่งนะค ะเข้าไปอาจจะไปเห็นอะไรหลายๆ อย่างก็ได้ ถนนข้าวสารมีหลายรูปแบบนะคะ”

อย่างไรก็ตามการจำหน่าย “ลูกโป่งหัวเราะ” ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกแต่อาจจะมีบางช่วงเวลาที่ขายอย่างลับตา หากอยู่ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการจำหน่ายลูกโป่งหัวเราะอย่างจริงจัง แต่ขณะนี้กลับมาระบาดอีกครั้ง อาจเป็นเพราะการกวาดขันที่ลดลงหรือไม่

 

ทั้งนี้แพทย์รายเดิมยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ก๊าซไนตรัสออกไซด์” ไม่ได้ทำร้ายร่างกายมนุษย์อย่างเดียว แต่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยโดยก๊าซนี้ถูกลิสไว้ว่าเป็นก๊าซที่ทำร้ายชั้นบรรยากาศโอโซนของโลก “สิ่งที่น่าสนใจคือก๊าซไนตรัสออกไซด์เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยด้วย ไม่ใช่แค่ร่างกายมนุษย์ซึ่งก๊าซนี้มีพิษต่อชั้นโอโซนแถมถูกลิสไว้เลยว่าก๊าซนี้ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกบางลง หรือทะลุได้ในปัจจุบันจึงมีการควบคุมการใช้ก๊าซนี้”
 

 

ขอบคุณ  mgronline