- 18 เม.ย. 2562
จากกรณีเพจ ล่า ได้รับการร้องเรียนโดยมีใจความและเนื้อหาดังนี้
จากกรณีเพจ ล่า ได้รับการร้องเรียนโดยมีใจความและเนื้อหาดังนี้
แอดมินรับเรื่องร้องเรียนผ่าน inbox เห็นรูปและข้อมูลเบื้องต้นก็สัมผัสถึงความผิดปกติ จึงโทรกลับไปคุยกับผู้ร้องเรียนทราบว่า ผู้ชายคนนี้เขามีอาชีพรับจ้างเข็นผักในตลาด เลี้ยงลูกสาววัย 8 ขวบ ชีวิตมีกันอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เขาถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับตอนประมาณ 4 ทุ่ม ถูกนำตัวไปขังที่โรงพักเมืองราชบุรี
พอวันรุ่งขึ้น 13 เมษายน ตำรวจก็พาไปฝากขังที่ศาล แต่ด้วยเหตุผลว่าห้องขังที่ศาลไม่สะดวกรับตัว จะเต็ม หรือจะเป็นวันหยุดก็แล้วแต่ เขาถูกส่งตัวไปฝากขังเป็นกรณีพิเศษที่เรือนจำเขาบิน
ทั้งหมดที่เล่ามา ไม่มีใครรู้เลยว่าที่เขาหายไปเพราะถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ จนวันที่ 16 เมษายน เขาถูกส่งตัวออกจากเรือนจำมารักษาที่ โรงพยาบาลจอมบึง ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสอย่างที่เล่าไปเบื้องต้น ซึ่งอาการของเขาเกินกว่าที่โรงพยาบาลจอมบึงจะรักษาได้ บังเอิญว่ามีญาติทำงานอยู่ที่นั่น เห็นนามสกุลผู้ป่วยคุ้นๆ เลยโทรแจ้งกัน
ญาติและลูกสาวมาพบเขาอีกครั้งที่โรงพยาบาลราชบุรี หมอผ่าตัดสมองเขาแล้ว ยังไม่รู้สึกตัว ระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าที่จากเรือนจำ คุมเข้มอยู่ที่เตียงของเขา ผู้คุมคนแรกบอกว่า ที่เขาอยู่ในสภาพนี้เพราะตกจากที่สูง ถามรายละเอียดมากกว่านั้น เขาบอก “ไม่สามารถพูดได้” เจ้าหน้าที่เรือนจำผลัดเวรมาใหม่ ให้คำตอบถึงสาเหตุนี้ว่า “เขานอนดิ้นตกเตียง หัวฟาดโถส้วม”
จากเหตุผล “ตกจากที่สูง” หรือ “นอนดิ้นตกเตียง หัวฟาดโถส้วม” เมื่อพิจารณาดูเพียงแค่รูปถ่ายกับสภาพบาดแผล ….. สังคมตอบทีค่ะว่า มันน่าเชื่อได้หรือไม่ ?
หนำซ้ำ พอเกิดเหตุ ญาติไปทวงถามของกลางคืน ได้แก่ รถ กระเป๋าสตางค์ ยังอยู่ แตต่โทรศัพท์มือถือหาย ตำรวจบอกว่า จะมาเอาอะไรอีก ศาลตัดสินไปแล้วไง วันสงกรานต์ศาลไม่ได้ตัดสินคดีไหน แถมของกลางหายในมือตำรวจอย่างนั้นหรือ บุคคลในกระบวนการยุติธรรม ซ้ำเติมกันเหลือเกิน
มันต่างกรรมต่างวาระ เมาแล้วขับ เขาต้องรับโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่การที่ร่างกายบอบช้ำ เป็นตายเท่ากัน มันคนละกรณี สังคมต้องแยกประเด็นตรงนี้ออกจากกันนะคะ
เเละเราสามารถตั้งสมมุติฐานได้ เเต่ประเด็นคือ เราไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายใคร เช่นเดียวกับร่างกายของเรา ใครจะมาทำร้ายไม่ได้
เป็นห่วงก็แต่ลูกสาววัย 8 ขวบ ที่ใช้ชีวิตเติบโตมากับพ่อ หนูน้อยไปกอดเตียงร้องไห้ “พ่อหนูคงไม่ได้กลับบ้านใช่ไหม” ตอนนี้เถ้าแก่รับดูแลไว้ชั่วคราว
ผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นอดีตภรรยาเธอร้องไห้ แม้ไม่ได้ฟูมฟาย แต่เสียงที่แผ่วเบาปนเสียงสะอื้นมันสื่อสารความช้ำ ว่าเธอกำลังเหมือนตกอยู่กลางพายุโหม เหมือนชีวิตหลงทางกลางป่ามืด ประโยคสุดท้ายคือ เธอขอโทรหาแอดมินตลอดเวลาได้ไหม และขอร้องว่า “อย่าทิ้งกันได้ไหม” พร้อมกับการสะอื้นที่หนักหน่วงขึ้น สงสารทั้งอดีตสามีในฐานะเพื่อน และลูกสาว
เราช่วยกันนะคะ
เท่าที่เราจะพยายามช่วยได้
โดยล่าสุดได้มีการอัพเดทเรื่องราวดังกล่าวโดยบอกว่า
"ล่าสุด เจ้าหน้าที่เรือนจำไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยมเเล้ว บอก ผบ.สั่ง ถ้าจะเยี่ยมให้ไปทำเรื่องที่เรือนจำ ... บอกเรื่องเป็นข่าวเเล้ว ... "
"แอดมินส่งเรื่องนี้ประสานไปยังกระทรวงยุติธรรมแต่เช้าหลังทราบว่างดเยี่ยมทุกกรณี โดยให้ไปทำเรื่องที่เรือนจำซึ่งไกล และญาติรู้สึกหวาดกลัวความปลอดภัย จนล่าสุดเพิ่งอนุญาติให้เข้าเยี่ยมได้เมื่อสักครู่เฉพาะญาติ ก่อนหน้านี้คือห้ามทุกคนค่ะ"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-สาวโพสต์ทวงความยุติธรรม หลังโดน 12 ชีวิต รุมทำร้ายร่างกาย เป็นแผลไปทั้งตัว
สามารถชมภ่พเต็มๆได้โดยการคลิกข้อความนี้
ขอบคุณเพจ ล่า