- 29 เม.ย. 2562
ล่าสุดทางด้านนายบุญธรรม ทองเลิศ ทนายความของ นายอภิชาติ อายุ 27 ปี สามีของ น.ส.เอ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการผูกข้อมือขอขมาแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย
จากกรณีที่เจ้าหน้าพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.พนมสารคาม ทหารชุดประสานงานและรักษาความสงบประจำ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้นำกำลังบุกเข้าทำการจับกุมตัว นายวินัย อายุ 61 ปี
อ่านข่าว : หนุ่มใหญ่เล่าเรื่องราวของตัวเองและลูกสาว
หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ซ.เกาะบุญนาค ผ่านมาทางอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.พนมสารคาม ว่า ผู้เป็นบิดามีพฤติกรรมในลักษณะกระทำการอนาจารบุตรสาว ซึ่งกำลังเรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 วัย 17 ปี มานานกว่า 4 ปีแล้ว ก่อนที่จะทำการควบคุมตัวนำส่ง ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิฑูลย์ พนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม ให้ทำการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อสอบสวนเบื้องต้น นายวินัย ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า ได้กระทำการอนาจารข่มขืนบุตรสาวของตนเองมานานถึงกว่า 4 ปีจริง เริ่มตั้งแต่เมื่อปี 2558 จนมาถูกเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายร่วมกันบุกเข้ามาจับกุมตัวดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า "ข่มขืนกระชำทำเราเด็กซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตนโดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ,277
กระทั่งต่อมา ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิฑูลย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้ทำการควบคุมตัว นายวินัย ผู้เป็นพ่อที่ก่อเหตุข่มขืนลูกสาววัย 17 ของตัวเอง ออกจากห้องขัง สภ.พนมสารคาม เดินทางไปยังที่บ้าน ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทร เพื่อชี้จุดเกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนายไก่ยอมรับว่า มีความสัมพันธ์กับลูกสาวของตนเองจริง โดยอ้างว่าวันที่เกิดเหตุได้ดื่มสุรามีอาการเมา
และเข้าไปนอนในบ้านกับลูกโดยได้ลงมือลูบคลำตามร่างกายของลูก และลูกไม่มีอาการขัดขืน จนกระทำการเรื่อยไปจนเสร็จกิจ และแอบมีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใช้กำลังบังคับข่มขืนบุคคลอื่นโดยมิใช่ภรรยาของตัวเอง พร้อมควบคุมตัวเตรียมส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปนั้น
อ่านข่าว : ตร.เพิ่มขัอหาหนุ่มใหญ่นิสัยไม่ดี
ล่าสุดทางด้านนายบุญธรรม ทองเลิศ ทนายความของ นายอภิชาติ อายุ 27 ปี สามีของ น.ส.เอ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการผูกข้อมือขอขมาแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิทูลย์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังถูกออกหมายเรียกเพื่อเดินทางเข้าพบ
นายอภิชาติ สามีของ น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนเองได้ไปสู่ขอ น.ส.เอ กับ นายวินัย เนื่องจากมีความรักใคร่ชอบพอกับน.ส. เอ จนมีการผูกข้อมือขอขมาแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งในวันงานนายวินัย ก็ไปร่วมงานในฐานะพ่อของเจ้าสาว ซึ่งทางตนได้เสียค่าสินสอดให้กับทางนายวินัย เป็นจำนวนเงิน 80,000 บาท ที่ผ่านมาไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนเลยว่า น.ส.เอ ถูกพ่อแท้ๆข่มขืน ทราบแต่เพียงว่าถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง ก็เข้าใจว่าเกิดจากความรักและห่วงลูก จนสุดท้ายตนเองเห็นพฤติกรรมของพ่อ ที่ทำกับภรรยาของตนรุนแรงมากขึ้น จึงตัดสินใจโทรศัพท์พูดคุยกับแม่ของ น.ส.เอ ที่อยู่ประเทศออสเตเลีย จนทราบความจริง ว่านายวินัย พ่อแท้ๆ ได้ข่มขู่ใช้มีดจี้ ข่มขืน น.ส.เอ ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง
โดยตนเองรู้สึกเสียใจมากและขณะนี้ น.ส.เอ ได้ตั้งท้องแล้วประมาณ 4 เดือน แต่ก็ไม่สามารถพาไปฝากครรภ์ได้ เนื่องจากถูกนายวินัย ผู้เป็นพ่อกีดกันและยึดเอกสารบัตรประชาชนของ น.ส.เอ เอาไว้ ทำให้ญาติของตนทุกข์ใจ เพราะไม่รู้ว่าลูกที่ น.ส.เอ ตั้งท้องนั้นเป็นลูกใคร ส่วนตนเองก็อาจจะต้องโดนคดี เนื่องจากภรรยาของตน อายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ จึงเดินทางเข้ามาให้ปากคำในวันนี้
ด้านนายบุญธรรม ทนายความ เปิดเผยว่า ได้พาลูกความเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในขณะที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งขอ้กล่าวหา แต่จะทำการสอบเพิ่มหากเข้าข่ายตามกฏหมายข้อไหน ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งไม่ได้หนักใจ เพราะที่ผ่านมาก็มีกฏหมายรองรับในกรณี พรากผู้เยาว์ไปเป็นสามีภรรยา ที่เกิดจากความยินยอมรักใคร่และยินยอมของผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่าย โดยทำการที่ถูกต้องตามประเพณี ก็จะมีการยกเว้น ส่วนในเรื่องคดีของนายวินัย ทางฝ่ายลูกความตนไม่ขอยุ่ง ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย