- 10 พ.ค. 2562
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เน้นย้ำว่า นายนภัทร เปรียบเหมือนลูกหลานของกองทัพ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ถือเป็นบุคคลที่น่ายกย่องและเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ในด้านความกตัญญูต่อบุพการีผู้ให้กำเนิด สมควรได้รับการดูแลช่วยเหลือตามความเหมาะสมในทุกโอกาส
จากกรณีที่มีการนำเสนอเรื่องราวของ นายนภัทร อุ่นแก้ว นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 57 อดีตนักเรียนนายเรือรุ่นที่ 114 ได้รับความเดือดร้อน ต้องออกจากการเป็นนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 กะทันหัน เพราะมีความจำเป็นต้องดูแลมารดาซึ่งป่วยเป็นโรคไต ด้วยตนเองเพียงคนเดียว
เนื่องจากไม่มีญาติพี่น้อง โดยมารดาต้องเข้ารับการฟอกไตทุก 3 วัน ทำให้เวลาเรียนของนายนภัทร มีไม่เพียงพอจนต้องพักการเรียน และต่อมาได้ลาออกเพื่อต้องหาเงินมาเลี้ยงดูมารดาเป็นเวลา 2 ปี และตอนนี้มารดาของนายนภัทร ได้เสียชีวิตอย่างสงบ โดยจะมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฏิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ล่าสุดพลเรือโทกาญจน์ ดีอุบล ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า กองทัพเรือ รับทราบความเดือดร้อนและได้ให้ความช่วยเหลือ นายนภัทร มาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่นายนภัทรเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 โดยในช่วงที่นายนภัทร ได้ทำเรื่องขอลาออกจากการเป็นนักเรียนนายเรือ ทางผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นได้คัดค้านและเสนอให้พามารดามารักษาตัวที่โรงพยาบาลโรงเรียนนายเรือ และจะจัดบ้านพักให้เป็นการเฉพาะด้วยแต่นายนภัทรได้แสดงเจตจำนงค์ที่จะขอลาออกเพราะมีความจำเป็นต้องไปประกอบอาชีพเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูและรักษามารดา ทางโรงเรียนนายเรือจึงจำเป็นต้องทำตามความประสงค์ของนายนภัทร
ทั้งนี้ในการขอลาออกกลางคันในครั้งนั้น นายนภัทร ไม่ต้องชำระเงิน 1 แสนบาทเป็นค่าปรับตามระเบียบทางราชการแต่อย่างใดอีกด้วย เพราะผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้บริจาคเงินช่วยเหลือจนเต็มจำนวนค่าปรับแล้ว เมื่อนายนภัทร กลับไปอยู่บ้านดูแลมารดา ผู้บังคับบัญชา รุ่นพี่และเพื่อน ๆ ก็หมุนเวียนไปเยี่ยมและมอบเงินช่วยเหลือบ้างเป็นระยะๆ และเมื่อทราบว่ามารดานายนภัทร เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2562 อดีตผู้บังคับบัญชาก็ไปร่วมงานและมอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก และตามที่ทราบว่านายนภัทรขณะนี้กำลังศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
หากนายนภัทรประสงค์จะสมัครเข้าเป็นพนักงานราชการก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งกองทัพเรือก็จะพิจารณาให้ปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่ที่สมควรต่อไป ทั้งนี้เพื่อที่นายนภัทรจะได้มีงานทำส่งเสียตนเองศึกษาต่อไป สำหรับในอนาคตเมื่อนายนภัทรเรียนจบ กองทัพเรือจะพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมในโอกาสต่อไปอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกองทัพเรือ มีความห่วงใยกำลังพลของกองทัพเรือในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหารกองประจำการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ ทหารกองหนุน นักเรียนทหาร รวมถึงทุกคนที่ได้เข้ามาร่วมเครือนาวี เพราะถือว่าทุกคนที่เข้ามาร่วมเครือนาวีแล้ว คือครอบครัวเดียวกัน
ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ว่า “ทหารเรือ ต้องเป็นทหารของประชาชน หายใจ เชื่อมใจ และมีชะตาชีวิตร่วมกันกับประชาชน สู้เพื่อรับใช้ประชาชน ที่ใดมีศัตรู ที่ใดมีอันตราย ที่นั่นยอมมีทหารของกองทัพเรือ เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่น และภาคภูมิใจ
ขณะที่ในเฟซบุ๊กของ Wassana Nanuam ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "พลตรี กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประธานกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ได้รับทราบข่าวและมีความห่วงใย จึงได้ให้นายนภัทร เดินทางมาเข้าพบ เพื่อพูดคุยในรายละเอียดพร้อมสอบถามความต้องการ เพื่อหาแนวทางในการสนับสนุนช่วยเหลือในทุกด้านตามความประสงค์ของนายนภัทร
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เน้นย้ำว่า นายนภัทร เปรียบเหมือนลูกหลานของกองทัพ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ถือเป็นบุคคลที่น่ายกย่องและเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ในด้านความกตัญญูต่อบุพการีผู้ให้กำเนิด สมควรได้รับการดูแลช่วยเหลือตามความเหมาะสมในทุกโอกาส
ทั้งนี้ในอนาคตหากนายนภัทร สำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และมีความประสงค์จะเข้ารับราชการเพื่อรับใช้ชาติ ทางกองทัพก็ยินดีจะพิจารณาในโอกาสต่อไป"
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Wassana Nanuam