- 12 พ.ค. 2562
เป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี ของนายจิรภัทร เลิศเมธาตฤณชาติ หรือ จิ หนุ่มวัย 26 ปี ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ JI Jiraphat เล่าประสบการณ์ที่ตนเอง ซึ่งเป็นคนรักสุขภาพ ดูแลร่างกายเป็นอย่างดี แต่วันหนึ่งกลับมีเม็ดปริศนาโตขึ้นที่ข้างคอด้านล่างติ่งหู ก่อนจะทราบข่าวช็อกว่าเม็ดดังกล่าวเป็นก้อนเนื้อร้าย และตนเองป่วยเป็นมะเร็งโพรงจมูก
เป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีของ นายจิรภัทร เลิศเมธาตฤณชาติ หรือ จิ หนุ่มวัย 26 ปี ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ JI Jiraphat เล่าประสบการณ์ที่ตนเอง ซึ่งเป็นคนรักสุขภาพ ดูแลร่างกายเป็นอย่างดี แต่วันหนึ่งกลับมีเม็ดปริศนาโตขึ้นที่ข้างคอด้านล่างติ่งหู ก่อนจะทราบข่าวช็อกว่าเม็ดดังกล่าวเป็นก้อนเนื้อร้ายและตนเองป่วยเป็นมะเร็งโพรงจมูก
โดยหนุ่มคนดังกล่าวได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า "“ชีวิตไร้มะเร็ง ตอน : ทำข่าวร้ายให้เป็นข่าวดี ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของคุณคืออะไร? และคุณจะก้าวข้ามผ่านข่าวร้ายนั้นไปได้อย่างไร? (เสียงถอนหายใจของหมอENT).... คุณเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกนะครับ... นี่คือข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของผม ในวันนี้เมื่อปีที่แล้ว (10 พ.ค 2561) ถ้ารักษาจบแล้วเนื้อร้ายสงบ กูจะกลับไปใช้ชีวิตเต็มที่กว่านี้ นี่คือสิ่งที่เราพูดย้ำๆอยู่ในหัวระหว่างการรักษาตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา (มิ.ย - พ.ย. 61)"
"ใช่ครับ... เราเคยเป็นผู้ป่วย มะเร็งหลังโพรงจมูก และไม่ต้องถามครับว่าสาเหตุเกิดจากอะไร? เราจะตอบเลยว่า ซวย ครับ เพราะก็ไม่อยากมองว่าเบญจเพส(25พอดี), บรรพบุรุษก็ไม่เป็น ปัจจัยเสี่ยงต่างๆก็ไม่ได้ทำ หมอก็บอกทุกวันนี้ทางการแพทย์ก็ยังหาสาเหตุจริงๆไม่ได้ เอาเป็นว่าเราชนะมันมาได้ ขอให้ไม่กลับมาอีกก็พอ จบโพสต์นี้ เราจะไม่ลงลึกเรื่องโรคครับ แต่จะเน้นไปทางเล่านิทาน ประกอบกับรูปภาพต่างๆทั้งภาพก่อน-หลังการรักษา, การฟื้นตัวของร่างกาย มีแนบคำบรรยายใต้ภาพสั้นๆไว้อ่านเล่นเผื่อจะได้ อรรถรสมากขึ้น"
"อนึ่ง เราไม่อยากแค่ให้กำลังใจคนที่กำลังป่วยหรือกำลังรักษาไม่ว่าจะโรคอะไรก็ตาม แต่เราอยากเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้คนทุกคน ใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่าให้มีพลังบวกมากกว่าเดิม รวมไปถึงเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังท้อไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามให้กลับมาสู้ใหม่ อะสอง ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน บางคนฟื้นตัวไว้ บางคนฟื้นตัวช้า อยู่ที่หลายๆปัจจัยจริงๆอะสาม มะเร็ง เป็นโรคใกล้ตัวมาก มาก มาก... คอยหมั่นตรวจสุขภาพ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆอย่างเหมาะสม อะสี่ รูปภาพบางรูปอาจทำให้สะเทือนใจ...มา! เริ่ม!"
และยังบอกอีกว่า "ตนเองได้เข้ารับการรักษา โดยแพทย์ได้ทำการเจาะท้อง ก่อนจะเริ่มฉายแสง และหลังจากจบการรักษายกที่ 1 ซึ่งคือการฉายแสงครบ 33 ครั้ง ก็คอไหม้ ต้องกินอาหารปั่นเหลว ๆ ผ่านทางสายที่เจาะอยู่ตรงหน้าท้อง ยอมรับว่าเครียดมาก เกือบจะคิดสั้นกระโดดลงจากห้องพักที่ชั้น 4 แต่ทำไม่ลง เมื่อคิดถึงแม่ของตัวเอง หลังจากจบการรักษายกที่ 2 ซึ่งเป็นการทำคีโม 3 รอบใหญ่ น้ำหนักของตนลดลง จาก 67 กิโลกรัม ลดเหลือ 57 กิโลกรัม กล้ามและซิกแพคที่เคยมีก็หายไป และผอมจนเหมือนคนขาดสารอาหาร โดยใช้เวลาพักฟื้นร่างกาย 1 เดือน และกลับไปเล่นฟิตเนสถึง 2 เดือน"
"หลังจากนั้นยังไงหล่ะครับ เที่ยวแหลก กินแหลก ฟิตเนสแหลก สิคร้าบ ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และลืมอดีตที่เคยเจ็บปวดทุกอย่าง และกลับมาทำขนม แม้ยังรับรสหวานได้น้อยมาก แต่ก็กลับมาทำตามความชอบ ความฝันครับ (ให้คนอื่นชิมแทน ซึ่งถึงการรับรสปกติ ก็ต้องให้คนอื่นชิมอยู่ดี ลิ้นเราลิ้นเดียว เชื่อถือไม่ได้ครับ) เราไม่รู้จะเกิดอะไรกับชีวิตเราอีกไหม แต่ที่รู้ๆ เราคงใช้ชีวิตให้สุดกว่าเดิม เต็มที่กว่าเดิม ทำทุกอย่างให้มากกว่าเดิม"
"จะใช้เวลาให้คุ้มค่า เติมเต็มความสุขให้กับชีวิตให้มากที่สุดวันนี้ปีนี้ (10 พ.ค 62) ผมตอบกับตัวเองแล้วว่า...นี่แหละ คือการก้าวข้ามผ่านข้าวร้ายที่สุดในชีวิตของเราและเรา achive มันได้แล้วหว่ะ หวังว่าเพื่อนๆไม่ว่าจะประสบข่าวร้ายหรืออะไรก็ตามที่มันบั่นทอนกำลังใจ ลองเงยหน้าสู้กับมันให้สุด สู้ให้ถึงฝั่ง มันยากมากๆ แต่มันทำได้เว้ย #1ปีที่ชีวิตฉันเปลี่ยนไป...ตลอดกาล ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนิทานสั้นๆชิ้นนี้ครับ"
ขอบคุณ JI Jiraphat