- 13 พ.ค. 2562
จากกรณีเพจดัง เฮีย คลิปเหตุการณ์ที่ด่านตรวจแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่ของรถเก๋งคันในคลิป แต่ทว่าคนขับกลับไม่ให้ตำรวจดู พร้อมโชว์กร่าง อ้างว่าตนเป็นข้าราชการระดับสูง และทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
จากกรณีเพจดัง เฮีย คลิปเหตุการณ์ที่ด่านตรวจแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่ของรถเก๋งคันในคลิป แต่ทว่าคนขับกลับไม่ให้ตำรวจดู พร้อมโชว์กร่าง อ้างว่าตนเป็นข้าราชการระดับสูง และทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
โดยเฟซบุ๊ก เฮีย ได้เผยเเพร่คลิปหนุ่มใหญ่อ้างเป็นข้าราชการระดับสูง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใบขับขี่ เเถมยังโชว์กร่างขอคุยกับผู้กอง บอกว่าตนเป็นเพื่อนผู้กำกับ แถมยังบอกอีกว่าถ้าบอกเป็นอธิบดีจะค้นรถไหม ถ้าจะเอาให้ได้บอก ทั้งนี้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า ยิ่งใหญ่คับฟ้าเสียเหลือเกินจ้ะพี่จ๋า พี่ตำรวจขอดูใบอนุญาตก็ไม่ให้ดู บอกตำแหน่ง บอกคนรู้จักซะเรียบร้อย คลิปนี้ชาวเน็ตต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณืกันอย่างล้นหลาม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ใหญ่โตเหลือเกิน ชายบอกปัดตร.ขอตรวจใบขับขี่ อ้างเป็นอธิบดีมีเพื่อนเป็นผกก. (คลิป)
กระทั่งเพจเฟซบุ๊กชื่อ Red Skull Racing ได้ออกมาโพสต์ว่า "หลังเหตุการณ์ในคลิป ตำรวจผู้น้อยที่ทำหน้าที่วันนั้นก็มีคำสั่งลงมาจาก ผกก. ให้ออกตรวจด้วยกัน พูดง่ายๆ คือ โดนย้ายหน้าที่จากสายตรวจ มาอยู่กับ ผกก. ตามความหมายก็คือโดนดอง ไม่ได้ทำหน้าที่สายตรวจอีกแล้ว ที่นี่ประเทศไทย หลังจากเพจกูโพสก็ไม่รู้ว่าตำรวจผู้น้อยคนนั้นจะเผชิญชะตากรรมอะไรต่อ แต่กูต้องการกระตุ้นสังคมให้รับรู้ว่าเรื่องเฮงซวยแบบนี้มันมีอยู่จริง"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : วิจารณ์สนั่น เพจดังแฉตร.สายตรวจโดนย้ายแล้ว หลังเจอชายกร่างใส่ ไม่ยอมให้ตรวจใบขับขี่อ้างเป็นขรก.ใหญ่สนิทผกก.
เกี่ยวกับกรณีนี้ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ได้เล่าเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุให้ฟังว่า วันนั้นคนที่อ้างว่าเป็นเพื่อนกันตนได้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ด่านตรวจ พอทานเสร็จก็ขับรถกลับและผ่านด่านตรวจพอดี ทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจถึงขอดูบัตรอนุญาตประจำตัวในการขับขี่รถ หนุ่มใหญ่คนนี้จึงบอกว่าไม่ขอให้ดูได้มั้ย เพราะจะถึงบ้านอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ขอซ้ำไป ซ้ำมาจนทำให้หนุ่มใหญ่คนนี้โมโห เลยพูดตำแหน่งของตัวเองออกมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผกก.ทุ่งใหญ่แจงยิบอธิบดีศาลไม่ผิด หงุดหงิดใส่สายตรวจขอดูใบขับขี่ ผู้การนครฯโดดเคลียร์ยกเลิกคำสั่งย้ายส.ต.ต.
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนได้ยกเลิกคำสั่งของผู้กำกับโชคเป็นที่เรียบร้อยและทางผบช.ภ.8 ได้เรียกทั้งหมดเข้าไปพบเป็นการเร่งด่วน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผู้การนครฯเผยเหตุผล ทำไมยกเลิกคำสั่งย้าย ส.ต.ต.เอกพล เจ้าของวลี #ผมมีอำนาจเต็มนะครับ
นอกจากนี้รองผบ.ตร. ได้ออกมาพูดกับสื่อมวลชนว่า กระแสข่าวลือการสั่งย้าย พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ไปช่วยงานที่ศูนย์ศปก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นั้นตนไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็นคำสั่ง ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้กระจ่าง เรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ปากคำทั้งหมด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รองผบ.ตร.ยันตรวจใบขับขี่เป็นหน้าที่ตามกม. ผบช.ภ.8 ฝากถึงองค์กรศาลสอบบิ๊กขรก.
ในส่วนที่มีอ้างอิงถึงชายในคลิปที่ถูกเรียกตรวจว่า อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 นั้น ทางศาลรับทราบเรื่องแล้วตามที่ปรากฏทางสื่อ ขณะที่ความชัดเจนต้องรอการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่กำหนดนัดประชุมวาระปกติอยู่แล้วในเช้าวันจันทร์ที่ 13 พ.ค.นี้ว่า จะนำประเด็นดังกล่าวสู่วาระการประชุม ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ความจริงชัดเจนอย่างไรบ้าง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โซเชียลจับตา 13 พ.ค.ผลประชุมก.ต. สรุปพฤติกรรมอธิบดีศาลเพื่อนโชค
ล่าสุด นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) กล่าวภายหลังการประชุม ก.ต. ว่า ที่ประชุม ก.ต. มีมติให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีปรากฎคลิปภาพ นายไกรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 โดนเรียกตรวจใบขับขี่ จนมีการกระทบกระทั่งกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านตรวจในพื้นที่ สภ.อ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งทางศาลยุติธรรมจะตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้รอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย
สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เซ็นหนังสือลงวันที่ 10 พ.ค.ให้นายไกรรัตน์ชี้แจงรายงานข้อเท็จจริงตามเรื่องที่ปรากฏมายังสำนักงานศาลยุติธรรม โดยนายไกรรัตน์เองได้ทำหนังสือชี้แจงรายงานข้อเท็จจริงกลับมาในวันเดียวกัน (10 พ.ค.) ซึ่งในการประชุม ก.ต.วันนี้ (13 พ.ค.) ก็ได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ก.ต.จนมีมติตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
สำหรับการสอบข้อเท็จจริงนั้น คณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นจะมีการสอบว่าพฤติการณ์หรือข้อมูลที่ปรากฏดังกล่าว รวมถึงคำชี้แจงของนายไกรรัตน์เข้าข่ายมีมูลที่จะกระทำผิดวินัยหรือไม่ โดยไม่ว่าผลจะปรากฏอย่างไร ก็ต้องจะส่งผลการสอบข้อเท็จจริงไปยังคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) พิจารณากลั่นกรองทำความเห็นส่ง ก.ต.พิจารณาต่อไป