โรงพยาบาลดังที่จ.สุรินทร์พร้อมให้บริการใหม่กับคุณแม่

จากกรณีที่กลายเป็นเรื่องราวที่โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก เมื่อชาวเน็ตแห่แชร์เรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโรงพยาบาล เนื่องจากเธอได้ไปคลอดในโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ทว่ากลับมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหลังจากใช้บริการ 
 

โดยแฟนเพจ ห้องสืบสวยสยอง ได้โพสต์เล่าเรื่องราวว่า  "ลืมผ้าก๊อซไว้ในช่อง​คลอด​ ผู้เสียหายรายนี้แจ้งว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากโรงพยาบาลในจังหวัดสุรินทร์​ แต่ตรวจพบที่โรงพยาบาลอีกแห่ง เพราะผู้เสียหายมีอาการผิดปกติ เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 25 ไปตรวจหลังคลอด 45 วัน เเล้วสิ่งที่พบในช่องคลอดคือผ้าก๊อซ ตอนตรวจหลังคลอดที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ 7 วันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัด​สุรินทร์​ พยาบาล​บอกว่ามันปกติดีเค้าไม่เจออะไร เเต่มาโรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการ​ปรากฎว่าเจอผ้าก๊อซถึง 2 ชิ้น​ อาการที่เป็นก็มีอะไรปูดๆ ออกมาจากช่องคลอดเจ็บมาก 

 

กระทั่งเหตุการณ์ผ่านมาเป็นเดือนเเล้วยังไม่ได้รับการรับผิดชอบจากโรงพยาบาลต้นเรื่องเลย ไม่มีการติดต่อผู้เสียหาย ตอนนั้นมีเเต่บอกรับผิดชอบตามบัตร 30 บาท เดี๋ยว​ชดเชย​เป็นเงิน​ตามบัตร 30 บาท จนทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สาวคลอดลูก เจอจนท.เมา ซ้ำหมอลืมผ้าก๊อซทิ้งไว้ในช่องคลอด ลั่นขอชดใช้ตามสิทธิ 30 บาท

ล่าสุดมีรายงานว่า นพ.ภูวเดช สุระโคตร สาธารณสุข จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น โดยเกิดจากหลังคลอด หญิงรายดังกล่าว ได้เดินทางไปทำงานที่ จ.สมุทรปราการ ทำให้การนัดตรวจหลังคลอดผิดพลาดไป ซึ่ง รพ.ทบทวนเรื่องมาตรการด้านการทำคลอด เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการให้บริการ ทั้งเรื่องการติดตาม การมาตรวจหลังคลอดให้ดีขึ้น ซึ่งหากผู้คลอดอยู่ในพื้นที่ ก็จะไม่มีประเด็นตรวจหลังคลอด

 

 

“โรงพยาบาล ขอโทษถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ในส่วนของโรงพยาบาลจะได้ทบทวนและมีมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก ส่วนหนึ่งทางเราก็มีมาตรการในเรื่องการให้ความช่วยเหลือ ในเรื่องของการชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ได้ตามผู้ที่มารับบริการรายนี้ ให้มาเขียนใบคำขอในเรื่องการชดเชยค่าเสียหาย ตามมาตรา 41 ของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ผู้เสียหายอยู่ต่างจังหวัด จึงยังไม่ได้มาดำเนินการ แต่ก็ได้ประสานกับญาติแล้ว” นพ.ภูวเดช  กล่าว

 

นอกจากนี้ นพ.ภูวเดช  กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวตามปกติเรื่อง หลังจากทำคลอดเสร็จจะต้องมีการเย็บ ถ้าเลือดไม่หยุดก็จะเอาผ้าก๊อซไปอุดเพื่อไม่ให้เลือดไหลเยอะเกินไป และจะเอาออก แต่เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนเวร จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาด ทางเราก็ต้องขออภัยที่เกิดข้อผิดพลาดตรงนี้  ซึ่งจะทบทวนและเน้นย้ำ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์แบบนี้อีก ซึ่งมีกระบวนการสอบสวนอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องข้อผิดพลาดทางการให้บริการ

 

 

ในขณะที่ นพ.ตะวัน พลสระคู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าว เปิดเผยว่า ผู้ป่วยได้ไปตรวจเนื่องจากมีอาการปวดที่ช่องคลอด เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ซึ่งผลตรวจพบว่ามีผ้าก๊อซติดอยู่ในช่องคลอดและได้เอาออกแล้ว และแจ้งมายังทาง รพ. ให้ทราบว่า มีผ้าก๊อซค้างในช่องคลอด ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีการตรวจสอบก็ยอมรับความผิดพลาดและต้องกราบขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ประชุมหารือถึงมาตรการต่างๆ

 

 

 

“เหตุการณ์ดังกล่าวในการรักษาพยาบาลก็มีเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดต่อผู้เสียหายไปยัง จ.สมุทรปราการ และให้ทำเอกสารเพื่อขอดำเนินการรับค่าทดแทนรักษาเยียวยา จากความเสียหายที่เกิดขึ้น และประสานกับพี่สาวของผู้เสียหาย ให้ดำเนินการแทนได้ แต่ต้องส่งเอกสารไปให้เซ็นรับรองก่อนแล้วส่งกลับมา”

 

 

ทั้งนี้ นพ.ตะวัน ยังกล่าวต่ออีกว่า โรงพยาบาลต้องกราบประทานอภัยกับพี่น้องประชาชนที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นขั้นตอนการทำแผลหลังคลอด โดยใช้ผ้าก๊อซดันเข้าไปข้างในช่องคลอด เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมา เสร็จจากนั้นคงจะเป็นการลืมหรือมองไม่เห็น ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้บ้างในการรักษาพยาบาลกรณีนี้ ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องอย่างนี้ ทั้งเรื่องการรักษาเยียวยาและการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

 

 

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ด้านนางศิริวรรณ จันทร์ดากุล พี่สาวของนางสาลินี หาญเสมอดารากุล ได้ให้ข้อมูลมาว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่ รพ.ดังกล่าว โทรมาบอกกับตนว่าให้เข้ามาคุยกันพร้อมกับทำเรื่องเขียนบันทึก ซึ่งตนเองนั้นไม่พอใจบุคคลากรของ รพ.นี้ เป็นอย่างมาก ในเมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมาแต่ให้ผู้เสียหายหรือตัวแทนเข้ามาทำการเขียนบันทึกค่าเยียวยาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล แต่ก่อนหน้าได้แจ้งว่าน้องสาวที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ไม่สะดวกให้เข้าไปทำเรื่อง กลับถูก รพ.จังหวัดนั้น ปฏิเสธ ตนเองนั้นเหนื่อยและพูดไม่ออก แต่มาวันนี้ได้โทรมาหาตนให้เข้าไป ถ้าไม่มีนักข่าวก็คงจะเงียบไป