- 14 พ.ค. 2562
ชายพิการวัย 71 ปลูกต้นไม้กว่า 17,000 ต้น ใน 20 ปี
เรียกได้ว่าต้นไม้เป้นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติที่สำคัญและจำเป็นต่อโลกของเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้นไม้ให้ร่มเงาแล้ว ยังช่วยดูดแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์และคลายแก๊ซออกซิเจนมาให้เราหายใจในตอนกลางวันจึงทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย จึงสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เรา ด้วยสิ่งนี้เองจึงทำให้ชายผู้พิการคนหนึ่งตัดสินใจปลูกต้นไม้มาตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา จนสามารถเปลี่ยนผืนดินอันแห้งแล้งให้กลายเป็นป่าเขียวขจีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องราวของคุณปู่แซ่หม่า ชาวมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน วัย 71 ปี ที่ตลอดเกือบๆ 20 ปีที่ผ่านมาเขาได้เปลี่ยนพื้นที่ในหมู่บ้านของเขากลายเป็นผืนป่าย่อมๆ ด้วยต้นไม้กว่า 17,000 ต้นที่เขาปลูก คุณปู่หม่าเล่าว่าในปี 1974 ขณะกำลังเข้าร่วมกับกองกำลังทหารของประเทศจีน เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาการของโรคนี้มันก็เลวร้ายจนทำให้เขาสูญเสียขาข้างขวาไปในปี 1985 และขาข้างซ้ายในปี 2005
หลังจากการผ่าตัดใหญ่ถึง 7 ครั้งจากโรคนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถพอที่จะแข็งแรงหาเลี้ยงครอบครัวได้ แต่ก็ด้วยความพิการที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่สามารถหางานใดๆ ได้เลย แต่ก็ยังมีโชคดีตรงที่เงินสมทบจากหน่วยทหารผ่านศึกช่วยดูแลค่าพยาบาลให้ทั้งหมด
แม้ว่าเขาจะไม่มีงานทำอีกทั้งยังพิการ แต่คุณปู่หม่าก็ไม่อาจจะอยู่เฉยๆ ได้ โดยในปี 2000 เขาได้เห็นรายการทีวีรายการหนึ่งที่เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ เขาจึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจและเริ่มปลูกต้นไม้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เริ่มแรกเขาปลูกต้นไม้ไว้ที่บริเวณเนินเขาแห้งแล้งรอบๆ หมู่บ้านชนบทของเขา ด้วยความตั้งใจที่ว่าจะขายพวกมันเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย
คุณปู่หม่า เผยว่า การหาเงินจากการปลูกต้นไม้เป็นไอเดียของผมในตอนแรก เพราะผมสามารถขายมันเพื่อทำเงินและมันจะทำให้ผมมีรายได้เป็นของตัวเอง แต่เมื่อต้นไม้โตขึ้นๆ และเริ่มปกคลุมเนินไปด้วยสีเขียวอันงดงามผมก็เริ่มเกิดความลังเล พวกมันไม่เพียงแต่สวยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังจำเป็นสำหรับเนินเขาเพราะมันสามารถช่วยยึดดินได้
เขาเห็นต้นไม้ที่เขาปลูกเติบใหญ่ขึ้นในทุกวันด้วยสายตาของตัวเอง จึงทำให้ในที่สุดเขาก็หลงใหลเข้ากับป่าน้อยๆ และไม่อาจทำใจขายพวกมันได้อีกต่อไป เขาจึงเลือกที่จะปลูกมันต่อไปด้วยจุดประสงค์อื่น คุณปู่บอกว่า ผมไม่เคยขายพวกมันแม้แต่ต้นเดียวเลย มันสามารถเติมเต็มความรู้สึกอันยอดเยี่ยมให้กับผม ผมจะปลูกต้นไม้ต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจสุดท้าย และทิ้งเจ้าสีเขียวๆ เหล่านี้ไว้ให้กับประเทศและคนรุ่นต่อไป
กิจวัตรประจำวันของคุณปู่หม่าคือลุกตื่นขึ้นมาตอนตี 5 ของทุกๆ วัน แล้วก็จัดแจงใส่เสื้อผ้าหยิบเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้เป็นประจำรวมถึงต้นกล้าของต้นไม้ติดตัวไว้ จากนั้นเขาก็จะค่อยๆ ใช้ไม้ค้ำช่วยเดินไปให้ถึงเนินเขา
คุณปู่หม่าเล่าว่า เขาไม่กินมื้อเช้าเพื่อที่จะได้ประหยัดเวลา แต่เลือกที่จะแพ็คอาหารไปด้วยและแกะมันกินตอนช่วงพักเบรคสั้นๆ แทน ส่วนภารกิจที่เขาทำจนเป็นกิจวัตรไปแล้วก็คือใส่ถุงมือ ใช้พลั่วขุดดินให้เป็นหลุมเล็กๆ หย่อนต้นกล้าลงไป แล้วทำการรดน้ำ ทว่าเขาก็บอกว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลยสำหรับผู้พิการเช่นเขา
คุณปู่กล่าวทิ้งท้ายว่า ผมสารภาพเลยว่าบางครั้งมันก็เจ็บปวดมากกับการหกล้มและบาดเจ็บ มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากๆ จนผมจำไม่หมด แต่ความยากลำบากเหล่านั้นมันไม่อาจมายับยั้งผมได้ เพราะผมเป็นทหาร แต่ว่าผมก็ต้องขอยืมเงินคนอื่นมาเพื่อซื้อต้นกล้ารวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ยังไม่นับพลั่วที่หักไปไม่รู้กี่อันด้วยนะ
สำหรับผมพวกมันไม่ใช่แค่ต้นไม้ แต่ผมเห็นว่ามันคือพลทหารที่ผมคอยบัญชาการอยู่ พวกมันทำให้ช่วยเติมเต็มผมได้ดีจริงๆ ตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะปลูกมันต่อไปเรื่อยๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ในวันข้างหน้า
ทั้งนี้ ในปี 2008 ก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้นกับชีวิตของเขา เมื่อมีสื่อนำเรื่องของเขามาตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้ จึงทำให้มีอาสาสมัครหลายคนมาช่วยงานเขา รวมทั้งรัฐบาลของประเทศจีนก็ยอมรับในความอุตสาหะให้เงินช่วยเหลือมาด้วยถึงตอนนี้เป็นเวลา 20 ปีแล้วกับการปลูกต้นไม้ของเขา แต่เขาบอกว่าพวกมันทำให้เขามีความสุขจึงเดินหน้าปลูกมันต่อไปในทุกๆ วัน จนตอนนี้มีต้นไม้ร่วมๆ 17,000 ต้นแล้วในบริเวณทิวเขา