- 22 พ.ค. 2562
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่คนในสังคมไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเกิดขึ้นทีไร ก็ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่แค่เพียงได้รับบาดเจ็บเพียงเท่านั้น บางเหตุการณ์ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ และไม่ใช่คนที่มีปัญหากันเท่านั้นที่จะเจ็บ คนที่ผ่านไปผ่านมาถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเยอะมากๆจากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่คนในสังคมไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเกิดขึ้นทีไร ก็ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่แค่เพียงได้รับบาดเจ็บเพียงเท่านั้น บางเหตุการณ์ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ และไม่ใช่คนที่มีปัญหากันเท่านั้นที่จะเจ็บ คนที่ผ่านไปผ่านมาถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเยอะมากๆจากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้
โดยเฟซบุ๊กชื่อ JS100 Radio ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวที่น้องๆมัธยมเพิ่งเปิดเรียน แต่เปิดได้เพียงไม่กี่วันก็มีข่าวการตีกันอีกแล้ว ซึ่งเพจดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า "เปิดเรียนไม่ทันไรก็ตีกันแล้ว จนท.ตร.สน.หลักสองควบคุมตัวนักเรียนช่าง 3 คน หลังใช้ปืนยิงหน้าอกนักเรียนช่างต่างสถาบันได้รับบาดเจ็บสาหัสริมถนนเพชรเกษม ขาเข้า เลยแยกพุทธมณฑลสาย 2 เล็กน้อย คนเจ็บถูกนำส่งรพ.แล้ว #อนาคตของชาติ #นักเรียนนักเลง (Cr.PRESS Fire and Resc)"
ต่อมา นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายที่ได้นำส่ง ร.พ.เกษมราษฎร์ บางแคนั้นได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาและทางเจ้าหน้าที่ตร.สามารถควบคุมตัวมือยิงได้ นำตัวสอบสวนที่ สน.หลักสอง
อ่านข่าว : 3 โจ๋คุยกันไม่เข้าใจ ย่านถนนเพชรเกษม
ส่วนทางด้านแม่ของผู้ต้องหาที่ยิงคู่อริ คือนางสุดใจ อินทะศร อายุ 40 ปี มารดา นายพลวัฒน์ หรือต้น ไชยชาติ อายุ 17 ปี ที่ถูกนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคโพลีกรุงเทพ ยิงเสียชีวิตบริเวณแยกไฟแดงถนนพุทธมณฑลสาย 2 ตัดถนนเพชรเกษม เดินทางมาดูศพลูกชาย พร้อมเล่าให้ฟังด้วยความโศกเศร้าว่า "นายพลวัฒน์ เพิ่งถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนพาณิชย์ธนบุรี เนื่องจากเกรดไม่ถึง จึงออกมาอยู่บ้านเฉยๆ แต่ก็มีเพื่อนๆ นักเรียนอาชีวะหลายสถาบัน มาหาที่บ้านย่านสวนผักทุกวัน ตนเคยเตือนให้ระวังตัวเพราะกลัวจะไปมีเรื่องมีราว แต่สุดท้ายก็ห้ามไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกเป็นคนขี้ขลาดไม่เคยมีประวัติทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อน"
"ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชีวิตลูกชาย ตนยอมรับว่าตกใจและเสียใจมาก แต่ไม่รู้จะโทษใคร ต้องโทษตัวเองที่ตักเตือนลูกไม่ได้ ขอให้วัยรุ่นทุกคนเอาเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์และต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เพราะเมื่อมีเหตุการณฺขึ้นแล้วไม่มีใครเสียใจเท่าพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างแน่นอน ส่วนศพลูกชายนั้นจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดซองพลู อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เนื่องจากญาติๆ พักอยู่แถวนั้น ซึ่งจะตั้งสวดกี่วันขอปรึกษากันในครอบครัวอีกที"
ล่าสุด แฟนสาวของผู้ต้องหาที่ยิงคู่อริเสียชีวิต ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีคำพูดประมาณว่า "นิสัยอะไรของเขามันก็แล้วแต่ แต่ละคน อยู่กับพ่อแม่กับอยู่กับเรามันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เขาพกปืนมั้ยอันนี้หนูก็ไม่รู้ค่ะ มันเป็นเรื่องของเขาค่ะ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันหนูไม่รู้เลยว่าเวลาไปไหนมาไหน ว่าเขาจะถูกทำร้ายหรือโดนทำร้าย หนูเคยบอกเขาแค่ว่าทำตัวดีๆ ถ้าเรียนโรงเรียนแบบนี้ก็ต้องระวังอยู่แล้วเขาก็เลยบอกว่าโอเค ก่อนเกิดเหตุเขาก็ยังไปเรียนปกติ หนูกับเขาเรียนที่เดียวกันค่ะแต่ขอไม่บอกชื่อนะ แต่ตอนนั้นหนูไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเอาจริงๆหนูก็ห่วงห่วงทุกคนห่วงทุกฝ่าย"
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.หลักสอง ได้ออกมาเปิดเผยว่า "หลังเกิดเหตุสามารถควบคุมตัวนักเรียนช่างได้ 3 คนเป็นนักศึกษาชั้น ปวช.ปี 1 แผนกช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่งในกรุงเทพ พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 ปลอก จากการสอบปากคำทั้ง 3 คน ร่วมกับจนท.สหวิชาชีพ ทราบว่านั่งรถประจำทางสาย 123 จากหน้าสถาบันฯ กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านย่านกระทุ่มแบน ระหว่างทางพบกลุ่มเด็กนักเรียนคู่อริประมาณ 10 คน ขี่จยย. 5 คันมาจอดเทียบและพยายามวิ่งขึ้นมาบนรถซึ่งมีทั้งมีดและอาวุธปืน ตนจึงตัดสินใจชักปืนออกมายิงไป 1 นัด เพื่อป้องกันตัวและไม่คิดว่ากระสุนจะถูกคู่กรณีเสียชีวิต"
"หลังก่อเหตุทั้งหมดพากันวิ่งหลบหนีไปคนละทิศละทาง แต่พวกตนทั้ง 3 คนวิ่งลงรถมาเพื่อโบกแท็กซี่เตรียมหลบหนี แต่ก็ถูกจนท.ตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ได้ ส่วนสาเหตุที่ต้องพกอาวุธปืนไปเรียนหนังสือด้วยนั้น เนื่องจากต้องเอาไว้ป้องกันตัว เพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งถูกนักเรียนช่างฯ คู่อริไล่ยิงจนกระสุนถากแขนบาดเจ็บ ก่อนคุมตัวฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในวันนี้"
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้เข้าสัมภาษณ์พนักงานสอบสวน พ.ต.ท.สมชาย นาคสอิ้งศาสน์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า "ต้องสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม ให้จนท.สหวิชาชีพเจ้าสอบสวนด้วย หลังจากนั้นเป็นการรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นทางตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควร โดยจะเชิญผู้ปกครองมาฟังการสอบปากคำอีกครั้ง แต่ทั้งคู่ไม่เคยไม่ความบาดหมางกันก็ต้องเรียกมาคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน"
ขณะเดียวกัน พ่อของหนึ่งในผู้ก่อเหตุบอกว่า "รู้เคยเตือนลูกแล้วว่าให้ตั้งใจเรียนปกติไม่ได้อยู่กับลูกชายต่างคนต่างทำงานให้ลูกชายอาศัยอยู่กับอา ยอมรับลูกมีนิสัยเกเรแต่ไม่น่าจะถึงขนาดก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้สำหรับตนเองบอกกับลูกว่าให้ยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอย่างลูกผู้ชายพร้อมให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฏหมายและฝากให้ผู้ปกครองครอบครัวอื่นให้ดูแลลูกและคุยกับลูกกันบ้างจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกขึ้นอีก"
"ส่วนครอบครัวของผู้ที่ลงมือยิงบอกว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดพร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวผู้สูญเสียซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกอริต่างสถาบันยิงจนได้รับบาดเจ็บมาแล้วอาจจะทำให้เกิดความกลัวจึงต้องพกพาอาวุธไว้ป้องกันตัวแล้วก็หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วจึงให้ลูกออกจากโรงเรียนแต่ลูกก็ยืนยันขอกลับไปเรียนเหมือนเดิมโดยสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนตนจึงตัดสินใจลูให้กลับไปเรียน จนมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- สาวใกล้คลอดรีบไปรพ. รถยางแตกทางด่วน 2ผู้กองหนุ่มรุดช่วย
- หนูน้อยจริตเลิศ กับแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษหน้าชั้นเรียน
- ดี้ นิติพงษ์ ปลื้มปีติ ช่วยเหลือชีวิตสุนัขจรจัด ได้รับเข็มพระราชทาน จากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว