เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 2 หรืออีสานใต้ (จ.อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และ อำนาจเจริญ) ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.อุบลราชธานี หนึ่งในโครงการสำคัญที่ภาคเอกชนเสนอให้ภาครัฐข่วยผลักดันเป็นโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่ ต.นากระแซง และ ต.ทุ่งเทิง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ขนาดพื้นที่ 2,300 ไร่ เพื่อสร้างฐานการผลิตเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน CLMV และเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในระดับนานาชาติ มีโครงการรถไฟทางคุ่และท่าอากาศยานอุบลราชธานีที่สามารถเชื่อมโยงการค้าใน 4 ประเทศ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน

 

เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

 

ล่าสุด การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวถือว่ามีความคืบหน้าเป็นลำดับ โดย บริษัท อุบลราชธานีอินดัสตรี้ จำกัด ในฐานะผู้ดำเนินโครงการ ได้ดึงพันธมิตรจากญี่ปุ่น 3 รายได้แก่ บริษัท ไคไก แอดไวซอรี่ จำกัด, บริษัท เวลเนสไลฟ์โปรเจ็ค (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท เอเซี่ยนไดนามิค คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ร่วมจัดตั้งนิคมฯ ด้วยงบการลงทุนกว่า 2,700 ล้านบาท

 

เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

 

นายณัฐวัฒน์ เลิศสุรวิทย์กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุบลราชธานีอินดัสตรี้ จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเร็ซๆนี้ บริษัทได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมขึ้นเป็นแห่งแรกใน จ.อุบลราชธานีไปแล้ว ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี 2563 กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2565 สำหรับนิคมฯ แห่งนี้ จะใช้เงินลงทุนพัฒนาราว 2,700 ล้านบาท บนเนื้อที่ 2,300 ไร่ เพื่อรองรับกลุ่ม อุตาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐพยายามผลักดันให้เกิดมาขึ้นไม่ว่าจะเป็น อุตสาหรรมเกษตรแปรรูป, อุตสาหกรรมเทคโนชีวภาพ , อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวข้ามแดน,อุตสาหกรรมการบริการ, อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ , อุตสาหกรรมทางการเกษตร,อุตสาหกรรมเครื่องมือและยานยนต์ที่ใช้ในการเกษตรเป็นต้น

 

เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

 

ซึ่งขณะนี้อยุ่ระหว่างการขอปรับเปลี่ยนผังเมืองการใช้ประโยชน์ที่ดินจากสีเขียวเป็นสีม่วงกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ควบคู่กับการจัดทำรายงานศักษาผลกระทบด้านสิ่งเวดล้อม (อีไอเอ) และหลังจากนั้นจะยื่นเรื่องไปยังการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อจัดั้งเป็นนิคมร่วมดำเนินการต่อไป

 

ทั้งนี้ นิคมฯ ดังกล่าวยังเป็นฐานการเชื่อมโยงการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมมรกต (กัมพูชา, ลาว และเวียดนาม) ที่นักลงทุนต่าง ๆ จะ สามารถกระจายสินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ได้อย่างสะดวก เนื่องจาก จ.อุบลราชธานีนั้น เป็นหนึ่งในจังหวัดเขตอีนานใต้ที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพ มีประชากรกว่า 1.8 ล้านคน และหากรวมกับจังหวัดในอีสานใต้จะมีประชากรกว่า 10 ล้านคน

 

เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

 

การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานีขั้น จากจากจะเป็นการยกระดับ จ.อุบลราชธานี ให้เป็นศูนย์กลาง ลงทุนด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องข้างต้นแล้ว นิคมฯ แห่งนี้ยังมีบทบาทในฐานะเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์อันทันสมัย ที่พรั่งพร้อมไปด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์และแหล่งรวบรวมนวัตกรรมใหม่ๆ จากผู้ประกอบธรุกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกด้วย

 

เทงบสร้างนิคมอุบล 2.7 พันล้าน บนเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ เชื่อมโยมเศรษฐกิจชายแดน

 

นายณัฐวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น การร่วมลงทุน โดยตรงจากบริษัทภายในและต่างประเทศ จึงถือเป็นโครงการตัวอย่างในการนนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แท้จริง เพราะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจภายในท้องถิ่น กระตุ้นการจ้างงาน และรองรับการปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ที่สามารถสร้างมูลค่าการลงทุนให้กับภูมิภาคได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่าภายหลังการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานีขึ้นมา จะกระตุ้นให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในเขตนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทและก่อให้เกิดการสร้างงานราว 20,000 อัตราได้ภายในปี 2565