- 26 พ.ค. 2562
จากกรณีที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ถึงแก่อสัญกรรม ของเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในวัยย่าง 99 ปี โดยเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. นายทหารประจำบ้านสี่เสาเทเวศร์ได้นำ พล.อ.เปรมส่ง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อรักษาอาการด่วน แต่ในเวลาประมาณ 09.00 น. พลเอกเปรมก็ถึงอสัญกรรมอย่างสงบ
จากกรณีที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ถึงแก่อสัญกรรม ของเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในวัยย่าง 99 ปี โดยเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. นายทหารประจำบ้านสี่เสาเทเวศร์ได้นำ พล.อ.เปรมส่ง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อรักษาอาการด่วน แต่ในเวลาประมาณ 09.00 น. พลเอกเปรมก็ถึงอสัญกรรมอย่างสงบ
เรื่องราวสุดประทับใจขแงความเป็นเพื่อนของลุงข้วย กับ พล.อ.เปรม นั้น ทั้ง 2 คน เกิดปีเดียวกัน และเริ่มรู้จักกันตอนอายุประมาณ 7 ขวบ เพราะ มีบ้านอยู่ติดกันในย่าน ถ.จะนะ เขตเทศบาลนครสงขลา และวิ่งเล่นกันทุกวัน อีกทั้ง ลุงข้วย ยังเคยปั่นรถจักรยานไปส่ง พล.อ.เปรม ที่โรงเรียนด้วย แต่เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน โดย พล.อ.เปรม ขึ้นมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ กระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนลุงข้วย กลับอยู่บ้าน ทำงานรับจ้างทั่วไป และถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลานานกว่า 7 ปี ก่อนปลดประจำการ และหันมายึดอาชีพถีบสามล้อรับจ้างในตลาดเมืองสงขลา
และกว่า 50 ปี ที่ทั้งคู่ต้องห่างจากกัน นับตั้งแต่ปี 2478 และมาพบกันอีกครั้งเมื่อปี 2528 ซึ่งทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพบกัน พล.อ.เปรม จะพูดคุยตามประสาเพื่อนรัก และให้เงิน ลุงข้วย เอาไว้ใช้ทุกครั้ง และพูดจาหยอกล้อกันด้วยภาษาใต้เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ และ ลุงข้วย ก็จะถีบรถสามล้อให้ พล.อ.เปรม นั่งเสมอ เมื่อเดินทางลงมาที่ จ.สงขลา รวมทั้งพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาเพื่อนรัก
สำหรับเหตุการณ์ที่เป็นนิยามของคำว่า เพื่อนไม่มีชนชั้น นั้น เริ่มมาจากหลังจากที่ พล.อ.เปรม เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และลงมาปฏิบัติภารกิจที่วัดดอนรัก อ.เมือง จ.สงขลา ลุงข้วย ก็ได้ไปยืนรอต้อนรับเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อ พล.อ.เปรม เดินผ่านมา และเห็น ก็ตรงเข้ามาหา และพูดคุยทักทายเป็นภาษาใต้ ลุงข้วย จึงยกมือไหว้ แต่ พล.อ.เปรม พูดกลับว่า ข้วยไหว้เราทำไม เราเป็นเพื่อนกันนะ
ทันใดนั้น ลุงข้วย จึงตอบกลับไปว่า ผมไหว้นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็น นายเปรม ผมไม่ไหว้ และทั้งคู่จึงสวมกอดกันด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางความปลาบปลื้มของคนทั้งวัด และกลายเป็นเรื่องราวความประทับใจที่มีการเล่าขานสืบต่อต่อกันมาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องราวของความเป็นเพื่อนระหว่าง ลุงข้วย กับ พล.อ.เปรม
ส่วนรถจักรยานสามล้อของ ลุงข้วย หลังจากที่เลิกอาชีพถีบสามล้อแล้ว ลุงข้วย ได้ยกให้กับ พล.อ.เปรม และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สงขลา หรือ สวนป๋าเปรม อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อเป็นอนุสรณ์ ทั้งอาชีพถีบสามล้อที่อยู่คู่กับเมืองสงขลามายาวนาน และนิยามของคำว่า เพื่อนที่ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น หรือยศถาบรรดาศักดิ์
ลุงข้วย พุทธปาน ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 97 ปี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559 น.ส.กรชลี พุทธปาน อายุ 55 ปี ลูกสาวคนเดียวของ ลุงข้วย บอกว่า ในช่วงที่ ลุงข้วย ล้มป่วยนั้น พล.อ.เปรม หรือ ป๋าเปรม ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ได้ห่วงใย และได้มอบหมายให้ นายบัญญัติ จันทน์เสนะ ประธานมูลนิธิเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติ ช่วยดูแลตลอด ทั้งขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และเรื่องของครอบครัว และหลังจากที่เสียชีวิตก็ช่วยเหลือในเรื่องของการพำเพ็ญกุศลศพให้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ซึ่งครอบครัวต่างซาบซึ้งในความมีเมตตาของป๋าเปรม ที่ดูแลพ่อมาตลอดตั้งแต่ยังมีชีวิต จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เคยเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ในปี พ.ศ. 2516 และเลื่อนเป็นแม่ทัพภาคทึ่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสานเมื่อ พ.ศ. 2517 ได้เลื่อนยศเป็นพลเอก ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เมื่อ พ.ศ. 2520 และเลื่อนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ในปี พ.ศ. 2521 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงปี พ.ศ.2523 ถึง 2531
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ โคราชในอดีต