- 26 พ.ค. 2562
ชุดพยัคฆ์ไพร - ศปป.4กอ.รมน. บุกยึดพื้นที่ป่าคืนกว่า 140 ไร่ เขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิด
สืบเนื่องจากทางเพจ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้รับแจ้งการบุกรุกเทือกเขานาคเกิด
เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ร่วมกับชุดปฏิบัติการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4กอ.รมน.) นำกำลังเจ้าหน้าที่พยัคฆ์ไพร สนธิกำลังศูนย์ป้องกันปราบปรามที่4 ภาคใต้ ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดภูเก็ต และฝ่ายปกครอง ภายใต้การอำนวยการของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ พลโทเรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ ผู้อำนวยการ ศปป.4กอ.รมน. สั่งการให้ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ประสานกำลังที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบบริเวณป่าท้ายหมู่บ้านกะตะ ติดต่อกับหาดนุ้ย หลังจากพลเมืองดี ร้องเรียนว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งสร้างบ้านพักขนาดเล็กจำนวน 3 หลัง
เมื่อเข้าตรวจตรวจสอบบริเวณบ้านพัก ได้พบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของนายวิทวัส คุ้มภัย และนายเสวก คุ้มภัย รวมทั้งสำเนาหนังสือมอบอำนาจของนายสิงหา เพ็งแก้ว มอบอำนาจให้นายวิทวัส แต่ไม่ระบุว่าเพื่อดำเนินการสิ่งใด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และโดยรอบ ยังพบโรงเรือนอีก 1 หลัง ภายในโรงเรือนมีการเลี้ยงหมูป่าจำนวน 4 ตัว กวางจำนวน 7 ตัว และมีการติดป้ายว่าผู้ได้รับอนุญาตให้ครอบครอง คือนายสมชาย เทพากูล เจ้าหน้าที่ได้รังวัดขอบเขตพื้นที่ และตรวจสอบพิกัดด้วยเครื่องมือวัดค่าพิกัดจากดาวเทียม ปรากฏว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด ซึ่งบางส่วนเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และบางส่วนเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ที่ไม่ได้ให้ผู้ใดครอบครอง และพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่นอกเขต ส.ป.ก. โดยพื้นที่ทั้งหมดยังมีสถานะเป็นป่าสงวนแห่งชาติและเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2
หลังจากการตรวจสอบพื้นที่ โดยเปรียบเทียบกับภาพถ่ายอากาศปี 2545 ปรากฏว่าพื้นที่ทั้งหมดมีสภาพเป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ ตรวจสอบข้อมูลการสำรวจขึ้นทะเบียนราษฎรในเขตป่า ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 ปรากฏว่าไม่มีการสำรวจขึ้นทะเบียนบุคคลในบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึด พื้นที่ทั้งหมด 142 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายภาครัฐกว่า 21 ล้านบาท และจัดทำบันทึกการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณเพจ : สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้