คุณแม่ยังสาวอุ้มท้องลูกแฝดไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน นครนายก

กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อ Walaiporn Thobuhyong โพตส์เล่าความเป็นมาว่า #มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับหมอ #โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก!! เมื่อวันที่19พค.62 ที่ผ่านมา ประมาณ3ทุ่มน้ำคล่ำเราแตก (เราตั้งครรภ์ได้ประมาณ5เดือน)

กลายเป็นเรื่องราวอันน่าสลดใจ เมื่อ Walaiporn Thobuhyong โพตส์เล่าความเป็นมาว่า  #มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับหมอ #โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก!! เมื่อวันที่19พค.62 ที่ผ่านมา ประมาณ3ทุ่มน้ำคล่ำเราแตก (เราตั้งครรภ์ได้ประมาณ5เดือน)

น้ำคล่ำแตกเราก็รีบไปโรงพยาบาล ไปถึงหมอผู้ชายก็มาซาวด์ บอกว่าเด็กทั้ง 2 หัวใจยังเต้นปกติ แล้วก็ให้เราไปนอนรอ ซักพักใหญ่ๆ หมอก็มาวัดปากมดลูก หมอบอกว่า "ไม่รอดยังไงก็แท้ง อีกไม่นานก็จะปวดเบ่งแล้วก็เบ่งออกมา" เราก็ถามว่าไม่มีวิธีช่วยทางอื่นแล้วหรอคะ หมอก็บอกว่า "เด็กตัวแค่200กรัมจะช่วยยังไง ยังไงก็ไม่รอด ตาย ยังไงก็แท้ง" เราก็ร้องไห้ แล้วหมอก็เดินออกไปคุยกับแฟนเรา บอกแฟนเราว่า"แท้งหมดแล้ว"

 

คุณแม่ยังสาวอุ้มท้องลูกแฝดไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน นครนายก

 


เราก็นอนรอปวดท้องทั้งคืน แต่ก็ไม่ปวด ลูกก็ยังคงดิ้นปกติ (นอนรอทั้งคืนไม่มีหมอมาตรวจอะไรเลยไม่มีการมาฟังคลื่นหัวใจเด็กไม่มีการมาอัลตร้าซาวด์) จนตอนเช้าเราขอโทรศัพท์พยาบาลโทรไปหาแฟนเรา แฟนเราก็ถามว่า "ลูกออกมาหมดยัง" เราก็เลยบอกว่า "ลูกยังไม่ออก ลูกยังดิ้นอยู่เลย" เราก็ร้องไห้ เราก็นอนรออยู่แบบนั้น 

 

 

 


จนประมาณกี่โมงไม่รู้หมอก็มาตรวจอีก หมอบอกว่า "จะให้ยาเร่งออกนะ" เราก็ร้องไห้แล้วบอกว่าลูกหนูยังดิ้นอยู่เลย อย่าพึ่งให้ยาเอาออกได้มั๊ย หมอก็ให้เราไปซาวด์ แต่ตอนซาวด์เราไม่เห็นจอซาว์นะ หมอเห็นคนเดียว หมอบอกเราว่า "เด็กตายแล้วคนนึง ยังไงก็ต้องเอาออก" เราถามหมอว่า"รู้ไหมคะ ว่าเด็กเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" หมอตอบว่า "จะอยากรู้ไปทำไม รู้ไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่รอด ไม่ได้เลี้ยงอยู่ดี ยังไงก็ตาย" เราก็ร้องไห้หนักเลย 

 

 

 

หมอบอกว่าถ้าไม่เอาออกเราจะตายเพราะติดเชื้อ" หมอก็จะให้ยาเร่งออก แต่เรายืนยันว่าลูกยังดิ้นอยู่ ลูกยังไม่ตาย เราไม่ยอมให้หมอเอาออก เราเลยขอหมอปรึกษาญาติก่อน หมอก็ให้ออกไปนอนเตียงข้างหน้าให้ญาติเข้ามาคุย หมอบอกกับญาติเราว่า "ต้องเอาออกเพราะเดี๋ยวติดเชื้อ เด็กในท้องตายแล้วคนนึง อีกไม่นานเด็กในท้องจะเน่า" แฟนก็มาเกลี้ยกล่อมให้เรายอมเอาเด็กออกเพราะกลัวเราตาย 
 

 

คุณแม่ยังสาวอุ้มท้องลูกแฝดไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน นครนายก

เราเริ่มใจอ่อนเลยถามพยาบาลว่า "ถ้าให้ยาเร่งแล้วหนูปวดท้องต้องทำยังไง" พยาบาลก็ตอบว่า"ปวดท้องก็ไปเข้าห้องน้ำ เบ่งลงชักโครกไปเลย แล้วกดน้ำทิ้งไปเลย"เราก็ร้องไห้ แฟนเราก็ถามพยาบาลว่า"ทำแบบนั้นเลยหรอ" พยาบาลบอก"ใช่ ในชักโครกนี่เด็กอยู่กี่คนแล้วก็ไม่รู้ ลูกพยาบาลก็อยู่ในนี้ ของเราเด็กตัวนิดเดียวเท่านั้นแหละ ตัวเท่าหัวนิ้วโป้มือเบ่งลงชักโครกไปเลย" 

 

 

พอเราได้ยินแบบนี้ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก จนป้าเรามา ป้าบอกยอมให้หมอเอาออกเถอะ เราก็ร้องไห้บอกป้าว่า"ดูท้องหนูสิจับท้องหนูดู ลูกหนูยังดิ้นอยู่เลย จะให้หนูทำได้ยังไง" ทุกคนเห็นว่าลูกเราดิ้นเหมือนงูที่เลื้อยอยู่ในท้อง ป้าเลยบอกงั้นย้ายโรงบาลไปม.ศ.ว.กัน เราไปขอให้หมอทำเรื่องส่งตัว หมอบอก "ไม่ทำ อยากไปก็ไปเลย ตายมาไม่รับผิดชอบนะ" ทางเราเลยตัดสินใจไปม.ศ.ว.เลย ไม่รอแล้ว ไปถึงหมอที่ม.ศ.ว.พาไปซาวด์ บอก"เด็กยังมีชีวิตทั้งคู่ แต่น้ำคล่ำแห้งหมดแล้ว" หมอที่ม.ศ.ว.พยายามวางแผนที่จะช่วยชีวิตเด็กทั้ง 2 แล้วก็เราตลอดเวลา 

 

คุณแม่ยังสาวอุ้มท้องลูกแฝดไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน นครนายก

 

มาดูอาการทุกชั่วโมง ปลอบใจเราตลอด ขนาดจะให้ยาขับออกยังบอกว่า"ถ้าเด็กยังมีชีวิตจะไม่ให้ยาขับออก" หมอที่ม.ศ.ว.มาวัดคลื่นหัวใจเด็กตลอด เด็กยังหัวใจเต้นทั้งคู่ แต่หมอบอกว่า "เรามาช้าไปเพราะน้ำคล่ำแห้งหมดแล้ว เด็กเจริญเติบโตต่อไม่ได้แล้ว ยังไงคงต้องเอาออก ถ้าแม่พร้อมจะเอาออก บอกหมอนะ หมอไม่รีบ ให้แม่ทำใจก่อน" #สรุปพอคลอดออกมาเด็กหนักคนล่ะ500กรัม(ครึ่งกิโล)แล้วหมอโรงบาลนครนายกบอกว่าตัวแค่หัวนิ้วโป้มือ!!(ออกมาเด็กตัวเท่าแขน)

 

 


#บอกเลยนับตั้งแต่วันนี้จะไม่เข้าใช้บริการโรงพยาบาลนี้อีก #ลูกยังไม่ตายบอกตายแล้วบอกว่าลูกจะเน่าในท้อง พูดจาออกมาแต่ล่ะคำฟังไม่ได้เลย #ตาย #ไม่รอด #แท้ง #ยังไงก็แท้ง #เด็กตัวเท่าหัวนิ้วโป้มือ #ปวดท้องไปเข้าห้องน้ำเบ่งลงชักโครกแล้วกดทิ้งไปเลย!! คำพูดแบบนี้สมควรที่จะออกจากปากหมอปากพยาบาลหรอ!? ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรหรอก....#แค่อยากให้ปรับปรุงการให้บริการและคำพูดให้ดีกว่านี้!! #ลงบันทึกไว้เป็นบทเรียน!!

 

 

 

จากนั้นตนได้ตัดสินใจฉีดยาเร่งคลอด ลูกคนแรกคลอดออกมาเป็นเพศชาย น้ำหนัก 500 กรัม และวันที่ 22 พ.ค. คลอดคนที่ 2 น้ำหนัก 500 กรัม ทั้งร่างกายสมบูรณ์ และได้เสียชีวิตลง

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ที่เธอได้นำเรื่องราวโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพื่ออยากให้เป็นอุทาหรณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนมีการแชร์ออกไปและแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเข้ามาให้กำลังใจตนเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ได้เข้ามาแสดงความเสียใจและให้กำลังใจกับคุณแม่คนนี้ บ้างก็เข้ามาคอมเม้นต์ว่า อ่านแล้วหดหู่ เสียจริตจิตตกเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าเอาเรื่องได้ก็ลุยค่ะ

 

 

คุณแม่ยังสาวอุ้มท้องลูกแฝดไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน นครนายก


ขอบคุณเฟซบุ๊ก Walaiporn Thobuhyong