เปิดเอกสารราชการ เคสหมอแอร์ชวนคนคลอดลูกที่อเมริกา

จากกรณีที่หมอแอร์ หรือ พ.ต.อ.หญิง พญ.อัชชุลี เพ็ชรรัตน์ ได้โพสต์ข้อความในทำนองเชิญชวนคุณแม่ตั้งครรภ์ เข้าร่วมโครงการเพื่อให้ลูกได้สัญชาติอเมริกันและได้สิทธิเทียบเท่ากับพลเมืองอเมริกัน จนตกเป็นเป้าวิจารณ์หนักกันในโลกโซเชียล
 

โดยหลายเสียงต่างมองว่าเป็นการเบียดเบียนสิทธิและภาษีพลเมืองของรัฐฯนั้นๆ ทั้งนี้ยังมีการบอกด้วยว่า เด็กที่เกิดและได้สัญชาติอเมริกันเมื่อโตไปทำงานจะต้องเสียภาษีเทียบเท่าพลเมืองของประเทศนั้นด้วย

 

ต่อมาทางพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ ไพศาล หรือหมอแอร์ แพทย์ประจำกลุ่มจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ อดีตรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้โพสต์ภาพขณะตั้งครรภ์ โดยบนท้องเขียนข้อความว่า "แม่ครับผมเกิดที่ไมอามีได้ไหมครับ" พร้อมเชิญชวนว่าที่คุณแม่ชาวไทย มาปรึกษาการคลอดลูกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

 

ทั้งนี้ทางด้านพล.ต.ท.นพ.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ อยู่ระหว่างสั่งตรวจสอบเรื่องนี้ทุกในประเด็น ทั้งประเด็นการลาไปต่างประเทศ เพราะมีระเบียบอยู่แล้วลาประเภทไหน ถ้าขาดงานเกินกำหนดก็ต้องรับโทษตามระเบียบ คงต้องรอให้ต้นสังกัดดำเนินการ ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสีย เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ส่วนผลการตั้งกรรมตรวจสอบ พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ก่อนหน้านี้ที่เอาเวลาราชการไปทำกิจส่วนตัวนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด

 

อย่างไรก็ตามการประพฤติปฏิบัติของข้าราชการตำรวจไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าประพฤติผิดก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับองค์กร ทั้งนี้อยากให้สังคมแยกแยะวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ เพราะตำรวจที่ประพฤติดีก็มีอีกมาก ตำรวจที่ไม่ดีก็มี แต่ก็การลงโทษ แต่ละปีมีการไล่ออก ให้ออกจากราชการหลายนาย

 

 

อ่านข่าว : แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งกรรมการสอบหมอแอร์ โพสต์ชวนคลอดลูกที่อเมริกา

ล่าสุดทางด้านพลตำรวจตรีธนิต จิรนันท์ธวัช โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ได้เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่า เรื่องนี้มีมูลความผิด 2 กรณี คือ เดินทางออกนอกประเทศไทยก่อนที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา และการโพสต์เชิญชวนให้ไปคลอดที่สหรัฐฯ เพื่อได้สัญชาติ โรงพยาบาลตำรวจได้ส่งหนังสือ เพื่อให้แพทยสภาลงความเห็นว่า เป็นการกระทำความผิดที่ผิดจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่

ขณะนี้ยังไม่พบว่าการกระทำของหมอแอร์ เป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงได้มีการเสนอนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการเดินทางออกนอกประเทศก่อนที่ได้รับอนุมัติ 

 

ยืนยันว่าโรงพยาบาลตำรวจไม่ได้มีการช่วยเหลือหมอแอร์แต่อย่างใด โดยมีการพิจารณาไปตามระเบียบและหลักฐานทั้งหมด ซึ่งหนังสือการลาทั้งหมดหมอแอร์เป็นคนทำเอง และการลาก็เป็นสิทธิ์ของข้าราชการทุกคน หลังจากมีการลากิจครบ 45 วันแล้ว ก็ได้ทำเรื่องลาคลอดต่อทันที ซึ่งเป็นการลาที่ต่อเนื่อง ส่วนการพิจารณาโทษ ต้องรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงก่อน