- 10 มิ.ย. 2562
เด็กไทยประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังในโครงการ Google Science Fair ติด 1 ใน 20 ของผู้แข่งขันทั่วโลกและเป็นผู้แข่งขันที่อายุน้อยที่สุด
น่าทึ่งกับเด็กอายุเพียงแค่ 13 ปี เด็กชายเหมวิช วาฤทธิ์ หรือ น้องฮับ เด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และอายุเพียง 13 ปี นักเรียนโรงเรียนวารีเชียงใหม่อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถติด 1 ใน 20 คนจากเด็กทั่วโลก ที่ผ่านเข้ารอบตัดสิน Google Science Fair ด้วยการประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังสำหรับผู้พิการทางหู
เด็กชายเหมวิช วาฤทธิ์ หรือ น้องฮับ ได้กล่าวไว้ว่า การได้ยินเสียงถือว่าเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญ ปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 422 ล้านคนทั่วโลก และตอนที่เรียนอยู่ ก็มีครูที่โรงเรียนมาบอกว่า มีโครงการ Google Science Fair ซึ่งผมมีแนวคิดที่อยากช่วยเหลือคนพิการทางหู จึงได้คิดทำโครงงานนี้ขึ้นมาโดยเขียนโปรแกรมและประดิษฐ์ผลงานนี้ขึ้นมา
เพื่อส่งเข้าประกวดกับโครงการดังกล่าว แต่ก่อนหน้านั้น ผมก็ได้นำแนวคิดนี้มาปรึกษาครอบครัว ประกอบกับเคยได้พูดคุยกับคนที่พิการทางหู เขามีน้ำเสียงที่ฟังดูเบา เหมือนไม่มีแรงและเสียงต่ำ จึงน่าจะทำให้คนเหล่านี้หลีกเลี่ยงการพูดและนำภาษามือมาใช้ในการสื่อสาร มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ตนกำลังเล่นกีตาร์
แล้วตนไม่ได้ต่อแอมป์ที่เป็นตัวขยายเสียง และเสียงโทรทัศน์ที่เปิดก็ดังกล่าว ทำให้เสียงกีตาร์ตนเบามาก ขณะนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ได้เอาคางไปแตะที่ตัวกีตาร์เพื่อจะฟังเสียง ปรากฏว่าเสียงดังขึ้น ชัดเจนขึ้น ตนจึงเกิดแนวคิดว่า อาจจะนำมาใช้กับคนที่พิการทางหูได้ จึงได้นำมาพัฒนาโปรเจคการทำเครื่องช่วยฟัง และการพัฒนาโปรแกรมฝึกการออกเสียงพูดขึ้น
ตนก็ดีใจที่ได้เข้าแข่ง Google Science Fair และยอมรับว่า ได้รับแรงกดดันมาก แต่ก็ทำให้ได้รับความรู้มากขึ้น ในจำนวนเด็กไทยที่เข้าแข่งขันจนถึงรอบ 100 คนสุดท้ายมีเพียง 2 คนที่เป็นคนไทย และตนเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยเข้าแข่งขันและเป็นเด็กไทยคนแรกที่เข้าถึงรอบ 20 คนสุดท้ายไปสู่รอบตัดสินในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งตนเห็นว่า ขณะนี้เทคโนโลยี และโลกออนไลน์เปิดให้การเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง และไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเรียนรู้
เชื่อว่าหลายคนก็มีแนวคิด และโครงการดี ๆ มากมาย ตนอยากให้เด็กไทยได้พัฒนา และอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเด็กไทยในด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ทางเทคโนโลยีที่มากขึ้น เพราะโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก และอยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีในอนาคต เพราะเชื่อว่าคนไทยและเด็กไทยทำได้
ขอบคุณ chiangmainews